- เพื่อจัดทำรายงานฉบับสมบูรณ์
- จัดทำรายงานฉบับสมบูรณ์
- ได้รายงานฉบับสมบูรณ์จำนวน 1 เล่ม ส่งให้ สสส.
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
คณะทำงานโครงการ
-
-
-
เพื่อจัดทำรายงานฉบับสมบูรณ์.l
จัดทำรูปภาพ
รูปภาพสามารถนำไปเผยแพร่ให้กับชุมชน และผู้สนใจเรียนรู้กิจกรรม
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
คณะทำงานโครงาการ
-
-
-
ประชุมติดตามโครงการร่วมกับ สจรส.ม.อ. เพื่อจัดทำรายงานฉบับสมบูรณ์
ประชุมเพื่อจัดทำรายงานฉบับสมบูรณ์
ได้รายงานฉบับสมบูรณ์ เอกสารได้รับการตรวจสอบ มีความถูกต้อง
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
ผู้รับผิดชอบและคณะทำงาน
-
-
-
-จัดเวทีกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อสรุปโครงการ และมอบเกรียติบัติ แก่ครัวเรือนเป้าหมายและผู้มีจิตรอาสาเป็นเลิศ ที่ผ่านเกณฑ์การประเมิน
จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้สรุปผลการดำเนินโครงการและมอบเกียรติบัติแก่ครัวเรือนกลุ่มเป้าหมาย และเชิญประชาชนในชุมชนและชุมชนใกล้เคียงเข้าร่วมงานและ ตลอดจนส่วนงานราชการในพื้นที่เข้าร่วมงานกับประชนและสภาผู้นำ/องค์กรชุมชนในชุมชนให้เห็นความสำคัญการทำงานของสภาผู้นำเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาชุมชนสร้างสุขในระดับชุมชน ตำบล ต่อไป
- มอบเกียรติบัติให้แกกลุ่มเป้าหมาย และรวมรับประทานอาหาร
- ตอบโจทย์การใช้ชีวิตโดยใช้ภูมิปัญญาสร้างนวัตกรรมเป็นภูมิคุ้มกันให้ห่างไกลยาเสพติด
- คนในชุมชนมีแนวทางในการดำเนินชีวิตที่ดี มีความตระหนักรู้ว่าสุขภาพสำคัญที่สุด ปัญญา สังคม เริ่มจากตนเองเป็นสำคัญ และครอบครัว สู่ชุมชน
- ตอบโจทย์การใช้ชีวิตบนความเป็นจริง โดยใช้ภูมิปัญญาสร้างนวัตกรรมและภูมิคุ้มกันห่างไกลยาเสพติด
- ชีวิตทุกชีวิตมีคุณค่าหาก นำวิชาปรัชญามาพัฒนาชีวิต
- ทรัพยากรมีคุณค่า หากรู้ว่าเมื่อมีสิ่งหนึ่งและจะนำไปสู่อีกสิ่งหนึ่งเสมอ
- ตระหนักรู้ว่าสุขภาพสำคัญที่สุด ด้วยจิตปัญญา สังคม โดยเริ่มจากตน เป็นสำคัญ ชุมชนสำคัญ ทุกชีวิตสำคัญ
- มีสภาผู้นำ/องค์กรชุมชนที่เข้มแข็ง
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
- กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน และยางพารา จำนวน 35 ครัวเรือน
- กลุ่มผู้เลี้ยงปศุสัตว์,แพะ,ไก่พื้นเมือง,เพาะเลี้ยงประมง จำนวน 30 ครัวเรือน
- กลุ่มอาชีพรับจ้าง จำนวน 20 ครัวเรือน
- กลุ่มผู้สูงอายุ จำนวน 35 คน
- กลุ่มยุวเกษตรกรโรงเรียนบ้านอ่าวลึกน้อย และเยาวชนกลุ่มเสี่ยง จำนวน 30 คน
-
ติดตามผลการดำเนินกิจกรรม ปฎิการหลังฝึกอบรมโดยมีกลุ่มเป้าหมายหมายหลัก
ติดตามกลุ่มเป้าหมาย 63 ราย ครั้งที่ 3
แต่งตั้งคณะกรรมการคณะทำงานโครงการชีวินทรีย์เพื่อสุขภาวะชุมชนติดตามประเมินผล 5 คนเพื่อเก็บข้อมูลกลุ่มเป้าหมายทั้ง 5 กลุ่ม
1. กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรผู้ปลูกแาล์มน้ำมัน และยางพารา จำนวน 45 ครัวเรือน
2. กลุ่มเลี้ยงปศุสัตว์ แพะ ไก่พื้นเมืองเพาะเลี้ยงประมงจำนวน 40 ครัวเรือน
3. กลุ่มอาชีพรับจ้าง
4. กลุ่มผู้สูงอายุจำนวน 35 คน
5. กลุ่มยุวเกษตรกรโรงเรียนบ้านอ่าวลึกน้อย และเยาวชนกลุ่มเสี่ยง จำนวน 50 คน
ตามเกณฑ์การประเมินดังนี้
- สามารถนำวัสดุเหลือใช้ภาคเกษตร ปศุสัตว์ ประมง เศษอาหารที่เหลือใช้ในครัวเรือน ในชุมชน มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
- การนำเทคโนโลยี ภูมิปัญญามาใช้ให้เกิดเป็นนวัตกรรมใหม่
- ความสะอาด และจัดระบบมีระเบียบตามหลักสุขาภิบาล ถูกต้องตามหลักสุขบัญญัติว่าด้วยอนามัยชุมชน
- ระบบผลิตที่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค ไม่ใช้สารเคมี และสารตกค้างใดๆ จากการสังเกตและส่งตัวอย่างตรวจสอบ ในกรณีที่สงสัย
- สามารถแนะนำให้ผู้อื่นปฎิบัติตาม มีภูมิรู้ มีกลยุทธ์ในการชักนำ
- มีการจัดการทำบัญชีครัวเรือน และแสดงรายรับ รายจ่ายกิจกรรมชัดเจน
- ครอบครัวมีรายได้จากการเข้าร่วมกิจกรรมจริง
- ครัวเรือนแสดงให้เห็นถึง การอยู่ร่วมกันด้วยความรัก มีความสุขตามหลักสุขภาวะ 4 มิติ
- ความสม่ำเสมอของผู้ที่ได้รับมอบหมายในการติดตามแนะนำ ให้ความช่วยเหลือจากสภาผู้นำ
- ครั้งที่ 3 ติดตามกลุ่มเป้าหมาย 64 ราย
จากการติดตามทั้งหมด สามารถสรุปภาพรวมได้ว่า
- ครัวเรือนเห็นคุณค่าของการใช้ทรัพยากรอย่างมีคุณค่าและรับผิดชอบ มีการนำวัสดุเหลือใช้มาใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่า
- กระบวนงานทุกขั้นตอนเกิดขึ้น โดยตระหนักรู้ เข้าร่วมกระบวนการเรียนรู้กับโครงการแล้วไปปฏิบัติที่ครัวเรือนต่อไป
- การทำงานเป็นทีมเป็นกลุ่ม โดยการมี่สวนร่วมของคนในชุมชน เกิดสภาผู้นำในการขับเคลื่อนกิจกรรมชุมชน
- แลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่างเป็นระบบ เริ่มจากตัวเอง ราชการ เปิดรับแนวคิดใหม่ นำสิ่งที่ดีของการแลกเปลี่ยนมาปรับใช้ในครัวเรือน เมื่อเจอปัญหาสามารถเป็นข้อพึงระวังในการตระหนักรู้
- ใช้พื้นที่ถือครองอย่างมีคุณค่า ซึ่งครัวเรือนเมื่อเข้าร่วมกิจกรรมมีความสนใจในโครงการ และนำมาปรับใช้ในครัวเรือน
- ถอดบทเรียน เพื่อการสืบทอดในครัวเรือน ชุมชนปฏิบัติได้โดยเฉพาะยุวเกษตรกรและยุวชนกลุ่มเสี่ยงตลอดจนผู้ด้อยโอกาศ
- ภูมิปัญญา ได้รับการถ่ายทอด จากรุ่นสู่รุ่นได้โดยถ่ายทอดเทคโนโลยีใหม่ โดยมีความสุขในครัวเรือนตามสุขภาวะ
- คุณค่าของผู้เข้าร่วมโครงการ เกิดขึ้นโดยตนเอง เกิดขวัญและกำลังใจ
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
- กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน และยางพารา
- กลุ่มผู้เลี้ยงปศุสัตว์,แพะ,ไก่พื้นเมือง,เพาะเลี้ยงประมง
- กลุ่มอาชีพรับจ้างและเยาวชนกลุ่มเสี่ยง
- กลุ่มผู้สูงอายุ
- กลุ่มยุวเกษตรกรโรงเรียนบ้านอ่าวลึกน้อย
-
ติดตามผลการดำเนินกิจกรรม ปฎิการหลังฝึกอบรมโดยมีกลุ่มเป้าหมายหมายหลัก
ติดตามกลุ่มเป้าหมาย 190 ราย ครั้งที่ 2
แต่งตั้งคณะกรรมการคณะทำงานโครงการชีวินทรีย์เพื่อสุขภาวะชุมชนติดตามประเมินผล 5 คนเพื่อเก็บข้อมูลกลุ่มเป้าหมายทั้ง 5 กลุ่ม
1. กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรผู้ปลูกแาล์มน้ำมัน และยางพารา จำนวน 45 ครัวเรือน
2.กลุ่มเลี้ยงปศุสัตว์ แพะ ไก่พื้นเมืองเพาะเลี้ยงประมงจำนวน 40 ครัวเรือน
3. กลุ่มอาชีพรับจ้าง
4. กลุ่มผู้สูงอายุจำนวน 35 คน
5. ยุวเกษตรกรโรงเรียนบ้านอ่าวลึกน้อยและเยาวชนกลุ่ม จำนวน 50 คน
ตามเกณฑ์การประเมินดังนี้
- สามารถนำวัสดุเหลือใช้ภาคเกษตร ปศุสัตว์ ประมง เศษอาหารที่เหลือใช้ในครัวเรือน ในชุมชน มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
- การนำเทคโนโลยี ภูมิปัญญามาใช้ให้เกิดเป็นนวัตกรรมใหม่
- ความสะอาด และจัดระบบมีระเบียบตามหลักสุขาภิบาล ถูกต้องตามหลักสุขบัญญัติว่าด้วยอนามัยชุมชน
- ระบบผลิตที่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค ไม่ใช้สารเคมี และสารตกค้างใดๆ จากการสังเกตและส่งตัวอย่างตรวจสอบ ในกรณีที่สงสัย
- สามารถแนะนำให้ผู้อื่นปฎิบัติตาม มีภูมิรู้ มีกลยุทธ์ในการชักนำ
- มีการจัดการทำบัญชีครัวเรือน และแสดงรายรับ รายจ่ายกิจกรรมชัดเจน
- ครอบครัวมีรายได้จากการเข้าร่วมกิจกรรมจริง
- ครัวเรือนแสดงให้เห็นถึง การอยู่ร่วมกันด้วยความรัก มีความสุขตามหลักสุขภาวะ 4 มิติ
- ความสม่ำเสมอของผู้ที่ได้รับมอบหมายในการติดตามแนะนำ ให้ความช่วยเหลือจากสภาผู้นำ
- ครั้งที่ 2 ติดตามกลุ่มเป้าหมาย 63 รายจากการติดตาม ชุมชนเห็นคุณค่าของการใช้ทรัพยากรอย่างมีคุณค่าและรับผิดชอบ เกิดกระบวนงานทุกขั้นตอนเกิดขึ้น การทำงานเป็นทีมเป็นกลุ่ม อย่างแท้จริง แลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่างเป็นระบบ เริ่มจากตัวเอง ราชการ ใช้พื้นที่ถือครองอย่างมีคุณค่า ถอดบทเรียน เพื่อการสืบทอดในครัวเรือน ชุมชนปฏิบัติได้โดยเฉพาะยุวเกษตรกรและยุวชนกลุ่มเสี่ยงตลอดจนผู้ด้อยโอกาศ ภูมิปัญญา ได้รับการถ่ายทอด จากรุ่นสู่รุ่นได้โดยถ่ายทอดเทคโนโลยีใหม่ โดยมีความสุขในครัวเรือนตามสุขภาวะ คุณค่าของผู้เข้าร่วมโครงการ เกิดขึ้นโดยตนเอง เกิดขวัญและกำลังใจ
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
- กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน และยางพารา
- กลุ่มผู้เลี้ยงปศุสัตว์,แพะ,ไก่พื้นเมือง,เพาะเลี้ยงประมง
- กลุ่มอาชีพรับจ้าง
- กลุ่มผู้สูงอายุ
- กลุ่มยุวเกษตรกรโรงเรียนบ้านอ่าวลึกน้อย และเยาวชนกลุ่มเสี่ยง
-
ติดตามผลการดำเนินกิจกรรม ปฎิการหลังฝึกอบรมโดยมีกลุ่มเป้าหมายหมายหลัก
ครั้งที่ 1
แต่งตั้งคณะกรรมการคณะทำงานโครงการชีวินทรีย์เพื่อสุขภาวะชุมชนติดตามประเมินผล 5 คนเพื่อเก็บข้อมูลกลุ่มเป้าหมายทั้ง 5 กลุ่ม
1. กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรผู้ปลูกแาล์มน้ำมัน และยางพารา จำนวน 45 ครัวเรือน
2. กลุ่มเลี้ยงปศุสัตว์ แพะ ไก่พื้นเมืองเพาะเลี้ยงประมงจำนวน 40 ครัวเรือน
3. กลุ่มอาชีพรับจ้าง
4. กลุ่มผู้สูงอายุจำนวน 35 คน
5. ยุวเกษตรกรโรงเรียนบ้านอ่าวลึกน้อยและเยาวชนกลุ่ม จำนวน 50 คน
ตามเกณฑ์การประเมินดังนี้
- สามารถนำวัสดุเหลือใช้ภาคเกษตร ปศุสัตว์ ประมง เศษอาหารที่เหลือใช้ในครัวเรือน ในชุมชน มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
- การนำเทคโนโลยี ภูมิปัญญามาใช้ให้เกิดเป็นนวัตกรรมใหม่
- ความสะอาด และจัดระบบมีระเบียบตามหลักสุขาภิบาล ถูกต้องตามหลักสุขบัญญัติว่าด้วยอนามัยชุมชน
- ระบบผลิตที่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค ไม่ใช้สารเคมี และสารตกค้างใดๆ จากการสังเกตและส่งตัวอย่างตรวจสอบ ในกรณีที่สงสัย
- สามารถแนะนำให้ผู้อื่นปฎิบัติตาม มีภูมิรู้ มีกลยุทธ์ในการชักนำ
- มีการจัดการทำบัญชีครัวเรือน และแสดงรายรับ รายจ่ายกิจกรรมชัดเจน
- ครอบครัวมีรายได้จากการเข้าร่วมกิจกรรมจริง
- ครัวเรือนแสดงให้เห็นถึง การอยู่ร่วมกันด้วยความรัก มีความสุขตามหลักสุขภาวะ 4 มิติ
- ความสม่ำเสมอของผู้ที่ได้รับมอบหมายในการติดตามแนะนำ ให้ความช่วยเหลือจากสภาผู้นำ
- ครั้งที่ 1 ติดตามกลุ่มเป้าหมาย 63 ราย
- จากการติดตามสามารถ ชุมชนได้นำผลผลิตมานำเสนอ และร่วมกันแลกเปลี่ยนเรียนรู้การปฏิบัติของตนเอง ว่าเจอปัญหาอะไร มีข้อดีๆ อย่างไร นำมาคุยเล่าสู่กันฟังบางครั้งมีการกลุ่มแลกเปลี่ยนวัสดุเหลือใช้กัน เกิดการแบ่งปันผลผลิตทำให้เกิดความสัมพันธ์ในชุนชุมชน ทั้งนี้มีกลุ่มยุวเกษตรกรและยุวชนกลุ่มเสี่ยงมาร่วมเรียนรู้ ทำให้กลุ่มเยาวชนเกิดพื้นที่กิจกรรมทำสิ่งดีๆ ลดปัจจัยเสี่ยงด้านอื่นๆ
และผู้สูงอายุได้ถ่ายทอดภูมิปัญญา จากรุ่นสู่รุ่นได้โดยถ่ายทอดเทคโนโลยีใหม่ โดยมีความสุขในครัวเรือนตามสุขภาวะ เกิดความสัมพันธ์ระหว่างผู้อายุ เยาวชน ทำให้ผู้รู้สึกภาคภูมิใจในคุณค่าความรู้ สู่ความสุขทางจิตใจ
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
- กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน และยางพารา
- กลุ่มผู้เลี้ยงปศุสัตว์,แพะ,ไก่พื้นเมือง,เพาะเลี้ยงประมง
- กลุ่มอาชีพรับจ้าง
- กลุ่มผู้สูงอายุ
- กลุ่มยุวเกษตรกรโรงเรียนบ้านอ่าวลึกน้อย และเยาวชนกลุ่มเสี่ยง
-
เพื่อจัดนิทรรศการ เพื่อเผยแพร้ความรู้ทางวิชาการและกิจการดำเนินงานของแต่ละโครงการ แนะนำผลิตภัณฑ์ของแต่ละโครงการ
โครงการชีวินทรีเพื่อสุขภาวะชุมชนคนอ่าวลึกน้อย เข้าร่วมจัดนิทรรศการ เวทีสานงานเสริมพลัง ร่วมสร้างประเทศไทยให้น่าอยู่ "ความมั่นคงทางสุขภาวะ วาระสร้างสุขของคนใต้ ปี 2558" ณ. หอประชุมนานาชาติ ม.อ หาดใหญ่ในวันที่ 4-6 เดือนกันยายน 2558ผลิตภัณฑ์
โครงการชีวินทรีเพื่อสุขภาวะชุมชนคนอ่าวลึกน้อย เข้าร่วมจัดนิทรรศการและแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากโครงการอื่นๆที่ร่วมโครงการ
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
เครือข่าย ชุมชนคนใต้สร้างสุขภาคใต้
-
1.กระตุ้นการเพิ่มรายได้ ลดรายจ่ายใช้ศาสตร์แห่งพระราชา ครู คลัง ช่าง หมอ 2. มีความเข้าใจในการใช้ทรัพยากรร่วมในกิจกรรมเพื่อการแก้ปัญหาและมีส่วนร่วมในกิจกรรมเพื่อการแก้ปัญหาทุกด้านในการแก้ปัญหาชีวิต3. มีสภาผู้นำ / ผู้นำองค์กรชุมชนเป็นกลไกลในการขับเคลื่อน
การอบรมจะมีลักษณะเดียวกันกับครั้งที่ 1
อบรมให้ความรู้เรื่อง
- การเลี้ยงปลากินพืช กินเนื้อ
-การแปรรูปสัตว์น้ำ
- ปศุสัตว์ ไก่พื้นเมือง โค
- แนะนำ ศึกษาขั้นตอนอย่างเป็นระบบเปิดโอกาศซักถามปัญหาและอธิบายนำวัสดุฎิบัติอย่างมีขั้นตอนซึ้งเป็นระบบที่เกื้แกูลกัน ระหว่างกิจกรรม กิจกรรมในครัวเรือน ชุมชนอย่างง่าย โดยกลุ่มเป้าหมายนำวัสดุเหลือใช้ในชุมชนมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ได้เชิญวิทยากรจากศูนย์วิจัยพันธ์สัตว์และเจ้าหน้าที่กรมประมงมาให้ความรู้เรื่องกระบวนการการเลี้ยงปลากินพืชและปลากินเนื้อกับกลุ่มผู้เพาะเลี้ยงประมงและปศุสัตว์ เน้นเรื่องการเลี้ยงปลานิลและปลาดุก ปลานิลเป็นปลาที่โตเร็ว รสชาติดี และสามารถขยายพันธ์ได้ง่ายและประกอบอาหารได้หลากหลายชนิด ต้นทุนในการเลี้ยงต่ำ และสามสารถนำเศษอหารในครัวเรือนมาเป็นอาหารปลาได้ และสอนวิธิการทำปลานิลแดดเดียว และปลาดุกเป็นปลาที่กินอาหารได้หลากหลาย แม้กระทั้งมูลสัตว์เศษอาหารในครัวเรือน และแนะนำเทคนิคการเลี้ยง การให้อาหารจากประสบการณ์ที่ผู้เข้าอบรมเคยเลี้ยง โตช้า ต้นทุนอาหารสูง สืบเนื่องมาจากปลาดุกเป็นปลาที่มีลำไส้สั้น กินอาหารเป็นเวลา ส่วนมากจะเน้นมื้อค่ำ ไม่ควรให้อาหารมากเกินไป ดูเหมือนว่าปลากินอาหารเยอะ อาจมีความต้องการอาหารสูงแต่หาใช่ไม่ สักพักก็จะคลายอาหารทิ้ง วิทยากรสอนวิธีการแปรรูปการทำปลาดุกร้า ใช้ปลาดุกอายุประมาณ 3-4 เดือน สอนเทคนิคการตัดหัวปลา การล้าง และตั้งพักปลาไว้ให้พอง ประมาณ 2-3ชั่วโมง นำเกลือ ผสมน้ำตาลและน้ำปลาหมักเก็บไว้ 1 คืน ประมาณ 10 โมงเช้าของวันรุ่งขึ้นให้นำไปผึ่งแดดเ แล้วนำมาเก็บไว้ให้มิดชิด ไว้ต่อมาก็นำไปตากอีกเป็นเวลา 3 ชั่วโมง หลังจากนั้นก็นำมาตั้งให้เย็นเพื่อบรรจุถุง สามารสเก็บไว้ได้นานและสามารถจำหน่ายได้ราคาดีหลักจากที่ฝึกอบรมเส็จได้มอบลูกพันธ์ปลาดุกคนละ 150 ตัวเพื่อให้กลุ่มเป้าหมายนำไปเลี้ยง ทดสอบสูตรอาหารปลาที่ได้ฝึกอบรมไปก่อนหน้านี้ เพื่อเก็บข้อมูลตามกรอบของการประเมินและติดตามผล การสุขขาภิบาลที่มีผลต่อสุขภาพทั้งคนและสัตว์ จากการที่ได้ดำเนินการฝึกอบรม สลายวิถีคิดของผู้เข้าอบรมว่าสัตว์คือสิ่งมีชีวิตที่มีความต้องการสุขภาพที่ดีและผู้เลี้ยงจะต้องปฎิบัติอย่างไรเพื่อให้เกิดสุขภาวะทั้งระบบกับผู้เลี้ยงไม่ได้มองที่ราคาของตัวเงินที่จะได้รับ เพียงอย่างเดียว
ประการแรก ให้ความรู้เรื่องวิธีการเลี้ยง แพะ เลี้ยงโค และไก่พื้นเมืองโดยลักษณะให้คำถาม ให้ตอบว่าที่ผ่านมาเลี้ยงอย่างไรเกือบ 70% ตอบเลี้ยงให้กินอิ่มเพื่อขายแบบสืบทอดกันมา โดยไม่คำนึงถึงต้นทุน กำไรเมื่อประกอบกับระยะเวลา และไม่ได้คำนึงถึงอาหารที่ให้สัตว์กิน จะเกิดประโยชน์กับสัตว์และโทษกับผู้เลี้ยงอย่างไร หลักการสุขขาภิบาลที่ดีไม่ได่อยู่ในจิตสำนึก ว่าจะเกิดประโยชน์หรือเกิดโทษกับสังคมอย่างไร และการใช้ประโยชน์จากมูลสัตว์ เพื่อมาใช้ประโยชน์ให้ได้ดีเท่าที่ควรนอกเสียจากกลุ่มคนที่เข้าร่วมโครงการในปีที่แล้วคอกโคแลคอกแพะต้องมีอากาศถ่ายเทอย่างเหมาะสมและห่างจากที่อยู่อาศัยประมาณ 50 เมตร และวิทยากรได้บรรยายในเรื่องโรคติดต่อ ที่มีการแพร่จากสัตว์มาสู่คนรวมทั้งพาหะนำโรค เช่น เหลือบยุง ลิ้น เห็บ ให้ผู้เข้าร่วมอบรมได้เข้าใจ ในเรื่อองการเก็บมูลสัตว์ที่เหมาะสมก่อนนำไปใช้ประโยชน์ในการปลูกพืชอื่นๆและ พูดถึงมูลค่าของมูลสัตว์ โดยเฉพาะ โค 1 ตัวสามารถให้มูลได้ 3 ตันต่อปี (น้ำหนักสด)มูลไก่มีธาติอาหารจำพวกในโตรเจนสูงมาก แต่ข้อเสีย ถ้านำไปใช้สด จะเกิดการหมัก และเกิดแก๊ซแอมโมเนียม แบบรุนแรง มีกลิ่นเหม็นและทำลายระบบของรากพืชได้เกิดความเสียหาย และได้อบรมเรื่องการทำคลอดโค การฟักใข่ การอนุบาลสัตว์ไวอ่อนไก่พื้นเมืองเมื่ออายุได้ 1-3 สัปดาห์ ให้ฉีดวัคซีนนิวคาสเซ้น ด้วยการแทงปีก อาทิตย์ถัดไปให้ ฝีดาษให้ไก่กินยาเพราะไก่พื้นเมืองจะขาดหญ้าไม่ได้ เป็นเเทคนิคผู้เข้าอบรมมีความสนใจสูงมีความกระตือรือร้นเพราะมองเห็นช่องทางในการปฎิบัติที่ง่าย ต้นทุนถูกขยายพันธ์เร็ว สร้างความสนใจให้คนรุ่นใหม่ที่มีพื้นที่อยู่น้อยนิด มาสร้างอาชีพเสริม ใช้เทคโนโลยีในการสร้างและพัฒนางาน ไม่มีใจหมกมุ่นที่ไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดมีความคิดที่จะพัฒนาสายพันธ์ไก่ชนให้เป็นกีฬา เพื่องสร้างมูลค่าเพิ่ม
- ผู้เข้าร่วม 64 คน มีความสนใจในกิจกรรม มีการเรียรู็อย่างตั้งใจทุกกระบวนการ และจะนำไปปฏิบัติในครัวเรือนต่อไป
- ผู้เข้าร่วมอบรมสนใจการเลี้ยงและแปรรูปปลาดุก เป็นพิเศษเพราะเป็นปลาที่ทนต่อสภาพน้ำได้ดี กินอาหารได้หลากหลาย และมีบ่อดินเป็นของตัวเอง ชาวบ้านเลี้ยงสามารถและเป็นรายได้ในครอบครัวอย่างพอเพียง
- ได้เรียนรู้การทำอาหารสัตว์ ซึ่งเป็นต้นทุนที่สำคัญในการเลี้ยงสัตว์ ซึ่งชุมชนสามารถทำอาหารโดยประยุกต์ใช้วัสดุที่เหลือใช้ในชุมชนด้วย ซึ่งเป็นการใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่า และลดต้นทุนการเลี้ยงสัตว์ ซึ่งจะทำให้ครัวเรือนมีกำไรเพิ่มมากขึ้น นำไปสู่ความอยู่ดีมีสุขโดยมีหลักเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทางจัดกิจกรรมที่สำคัญในครั้งนี้
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
1.กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน และยางพารา
2.กลุ่มผู้เลี้ยงปศุสัตว์,แพะ,ไก่พื้นเมือง,เพาะเลี้ยงประมง
3.กลุ่มอาชีพรับจ้าง
4.กลุ่มผู้สูงอายุ
5.กลุ่มยุวเกษตรกรโรงเรียนบ้านอ่าวลึกน้อย และเยาวชนกลุ่มเสี่ยง
ต้นทุนอาหารปลามีราคาสูง แต่จากการฝึกอบรมและทดลองปฎิบัติที่ผ่านมา สามารถสร้างอาชีพให้แก่ผู้อบรมได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
1.กระตุ้นการเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย โดดยใช้ศาสตร์แห่งพระราชาครู คลังช่าง หมอ 2.มีความเข้าใจในการใช้ทรัยากรร่วมและตระหนักในปัญหาและมีส่วนร่วมในกิจกรรมเพื่อการแก้ปัญหาทุกด้านในการดำเนินชีวิต3.มีสภาผู้นำ/ผู้นำองค์กรชุมชนเป็นกลไกล
การอบรมจะมีลักษณะเดียวกันกับครั้งที่ 1
อบรมให้ความรู้เรื่อง
- การเลี้ยงสัตว์ แพะ ไก่พื้นเมือง
- การเลี้ยงปลากินพืช กินเนื้อ
-การแปรรูปสัตว์น้ำ
- แนะนำ ศึกษาขั้นตอนอย่างเป็นระบบเปิดโอกาศซักถามปัญหาและอธิบายนำวัสดุฎิบัติอย่างมีขั้นตอนซึ้งเป็นระบบที่เกื้แกูลกัน ระหว่างกิจกรรม กิจกรรมในครัวเรือน ชุมชนอย่างง่าย โดยกลุ่มเป้าหมายนำวัสดุเหลือใช้ในชุมชนมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ได้เชิญวิทยากรจากศูนย์วิจัยพันธ์สัตว์มาให้ความรู้เรื่องกระบวนการการเลี้ยงสัตว์ และการสุขขาภิบาลที่มีผลต่อสุขภาพทั้งคนและสัตว์ จากการที่ได้ดำเนินการฝึกอบรม สลายวิถีคิดของผู้เข้าอบรมว่าสัตว์คือสิ่งมีชีวิตที่มีความต้องการสุขภาพที่ดีและผู้เลี้ยงจะต้องปฎิบัติอย่างไรเพื่อให้เกิดสุขภาวะทั้งระบบกับผู้เลี้ยงไม่ได้มองที่ราคาของตัวเงินที่จะได้รับ เพียงอย่างเดียว
ประการแรก ให้ความรู้เรื่องวิธีการเลี้ยง แพะ เลี้ยงโค และไก่พื้นเมืองโดยลักษณะให้คำถาม ให้ตอบว่าที่ผ่านมาเลี้ยงอย่างไรเกือบ 70% ตอบเลี้ยงให้กินอิ่มเพื่อขายแบบสืบทอดกันมา โดยไม่คำนึงถึงต้นทุน กำไรเมื่อประกอบกับระยะเวลา และไม่ได้คำนึงถึงอาหารที่ให้สัตว์กิน จะเกิดประโยชน์กับสัตว์และโทษกับผู้เลี้ยงอย่างไร หลักการสุขขาภิบาลที่ดีไม่ได่อยู่ในจิตสำนึก ว่าจะเกิดประโยชน์หรือเกิดโทษกับสังคมอย่างไร และการใช้ประโยชน์จากมูลสัตว์ เพื่อมาใช้ประโยชน์ให้ได้ดีเท่าที่ควรนอกเสียจากกลุ่มคนที่เข้าร่วมโครงการในปีที่แล้วคอกโคแลคอกแพะต้องมีอากาศถ่ายเทอย่างเหมาะสมและห่างจากที่อยู่อาศัยประมาณ 50 เมตร และวิทยากรได้บรรยายในเรื่องโรคติดต่อ ที่มีการแพร่จากสัตว์มาสู่คนรวมทั้งพาหะนำโรค เช่น เหลือบยุง ลิ้น เห็บ ให้ผู้เข้าร่วมอบรมได้เข้าใจ ในเรื่อองการเก็บมูลสัตว์ที่เหมาะสมก่อนนำไปใช้ประโยชน์ในการปลูกพืชอื่นๆและ พูดถึงมูลค่าของมูลสัตว์ โดดยเฉพาะ โค 1 ตัวสามารถให้มูลได้ 3 ตันต่อปี (น้ำหนักสด)มูลไก่มีธาติอาหารจำพวกในโตรเจนสูงมาก แต่ข้อเสีย ถ้านำไปใช้สด จะเกิดการหมัก และเกิดแก๊ซแอมโมเนียม แบบรุนแรง มีกลิ่นเหม็นและทำลายระบบของรากพืชได้เกิดความเสียหาย และได้อบรมเรื่องการทำคลอดโค การฟักใข่ การอนุบาลสัตว์ไวอ่อนไก่พื้นเมืองเมื่ออายุได้ 1-3 สัปดาห์ ให้ฉีดวัคซีนนิวคาสเซ้น ด้วยการแทงปีก อาทิตย์ถัดไปให้ ฝีดาษให้ไก่กินยาเพราะไก่พื้นเมืองจะขาดหญ้าไม่ได้ เป็นเเทคนิคผู้เข้าอบรมมีความสนใจสูงมีความกระตือรือร้นเพราะมองเห็นช่องทางในการปฎิบัติที่ง่าย ต้นทุนถูกขยายพันธ์เร็ว สร้างความสนใจให้คนรุ่นใหม่ที่มีพื้นที่อยู่น้อยนิด มาสร้างอาชีพเสริม ใช้เทคโนโลยีในการสร้างและพัฒนางาน ไม่มีใจหมกมุ่นที่ไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดมีความคิดที่จะพัฒนาสายพันธ์ไก่ชนให้เป็นกีฬา เพื่องสร้างมูลค่าเพิ่ม
- ผู้เข้าร่วมกิจกรรม 59 คน มีความรู้ ความเข้าใจ การเลี้ยงสัตว์ แพะ ไก่พื้นเมือง การเลี้ยงปลากินพืช กินเนื้อ การแปรรูปสัตว์น้ำ
- เกิดแรงกระตุ้นในการสร้างอาชีพ คิดเทคโนโลยีใหม่จากภูมิปัญญา ในการพัฒนาสายพันธ์ไก่ แพะ โค ประยุกต์การเลี้ยงให้ทันกับความต้องการใช้จ่ายซึ่งมีผลทางด้านเศรษฐการ เช่น โค ผู้เข้าอบรมจะคิดถึงการเลี้ยงโคขุน เพราะเป็นการเลี้ยงระยะสั้น ใช้เวลาเพียง 3 เดือน ก็สามารถมีเงินหมุนและเพิ่มทุนได้
การเลี้ยงแพะ ผู้เข้าอบรมบาง มีแนวคิดที่จะยกระดับเป็นพันธ์แพะพื้นเมือง เพราะสามารถเลี้ยงง่ายกว่า มีรสชาติดีกว่า ซึ้งไม่ต่างจากไก่พื้นเมือง
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
1.กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน และยางพารา
2.กลุ่มผู้เลี้ยงปศุสัตว์,แพะ,ไก่พื้นเมือง,เพาะเลี้ยงประมง
3.กลุ่มอาชีพรับจ้าง
4.กลุ่มผู้สูงอายุ
5.กลุ่มยุวเกษตรกรโรงเรียนบ้านอ่าวลึกน้อย และเยาวชนกลุ่มเสี่ยง
สร้างอาชีพเสริม ใช้เทคโนโลยีในการสร้างและพัฒนางาน ไม่มีใจหมกมุ่นที่ไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดมีความคิดที่จะพัฒนาสายพันธ์ไก่ชนให้เป็นกีฬา เพื่องสร้างมูลค่าเพิ่ม
หนุนเสริมเศรษฐกิจฐานล่าง สร้างสิ่งแวดล้อมดี มีสุขภาวะ ห่างไกลยาเสพติด
เวทีแจ้งวัตถุประสงค์ของโครงการ สร้างความตระหนักร่วม ในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อการขับเคลื่อนสภาผู้นำชุมชน
กลุ่มเกษตรกรปลูกยางพารา ปาล์มน้ำมัน กลุ่มเลี้ยงสัตว์ กลุ่มอาชีพรับจ้าง กลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่มยุวเกษตรกรในชุมชนได้รับการ อบรมแนะนำให้ความรู้การเลี้ยงสัตว์และการประมง รวมถึงการแปรรูปสัตว์น้ำ ให้กับกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
กลุ่มเกษตรกรปลูกยางพารา ปาล์มน้ำมัน กลุ่มเลี้ยงสัตว์ กลุ่มอาชีพรับจ้าง กลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่มยุวเกษตรกรในชุมชน
-
-
-
- กระตุ้นการเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย โดดยใช้ศาสตร์แห่งพระราชาครู คลังช่าง หมอ 2. มีความเข้าใจในการใช้ทรัยากรร่วมและตระหนักในปัญหาและมีส่วนร่วมในกิจกรรมเพื่อการแก้ปัญหาทุกด้านในการดำเนินชีวิต3. มีสภาผู้นำ/ผู้นำองค์กรชุมชนเป็นกลไกล
อบรมให้ความรู้เรื่อง - การเลี้ยงสัตว์ แพะ ไก่พื้นเมือง - การเลี้ยงปลากินพืช กินเนื้อ - การแปรรูปสัตว์น้ำ
แนะนำ ศึกษาขั้นตอนอย่างเป็นระบบเปิดโอกาศซักถามปัญหาและอธิบายนำวัสดุฎิบัติอย่างมีขั้นตอนซึ้งเป็นระบบที่เกื้แกูลกัน ระหว่างกิจกรรม กิจกรรมในครัวเรือน ชุมชนอย่างง่าย โดยกลุ่มเป้าหมายนำวัสดุเหลือใช้ในชุมชนมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ได้เชิญวิทยากรจากศูนย์วิจัยพันธ์สัตว์ และอดีตผู้อำนวยการวิทยาลัยเกษตรเทคโนโลยีกระบี่มาให้ความรู้เรื่องกระบวนการการเลี้ยงสัตว์ และการสุขขาภิบาลที่มีผลต่อสุขภาพทั้งคนและสัตว์ จากการที่ได้ดำเนินการฝึกอบรม สลายวิถีคิดของผู้เข้าอบรมว่าสัตว์คือสิ่งมีชีวิตที่มีความต้องการสุขภาพที่ดีและผู้เลี้ยงจะต้องปฎิบัติอย่างไรเพื่อให้เกิดสุขภาวะทั้งระบบกับผู้เลี้ยงไม่ได้มองที่ราคาของตัวเงินที่จะได้รับ เพียงอย่างเดียว
ประการแรก ให้ความรู้เรื่องวิธีการเลี้ยง แพะ เลี้ยงโค และไก่พื้นเมืองโดยลักษณะให้คำถาม ให้ตอบว่าที่ผ่านมาเลี้ยงอย่างไรเกือบ 70% ตอบเลี้ยงให้กินอิ่มเพื่อขายแบบสืบทอดกันมา โดยไม่คำนึงถึงต้นทุน กำไรเมื่อประกอบกับระยะเวลา และไม่ได้คำนึงถึงอาหารที่ให้สัตว์กิน จะเกิดประโยชน์กับสัตว์และโทษกับผู้เลี้ยงอย่างไร
หลักการสุขาภิบาลที่ดีไม่ได่อยู่ในจิตสำนึก ว่าจะเกิดประโยชน์หรือเกิดโทษกับสังคมอย่างไร และการใช้ประโยชน์จากมูลสัตว์ เพื่อมาใช้ประโยชน์ให้ได้ดีเท่าที่ควรนอกเสียจากกลุ่มคนที่เข้าร่วมโครงการในปีที่แล้วคอกโคแลคอกแพะต้องมีอากาศถ่ายเทอย่างเหมาะสมและห่างจากที่อยู่อาศัยประมาณ 50 เมตร
วิทยากรได้บรรยายในเรื่องโรคติดต่อ ที่มีการแพร่จากสัตว์มาสู่คนรวมทั้งพาหะนำโรค เช่น เหลือบยุง ลิ้น เห็บ ให้ผู้เข้าร่วมอบรมได้เข้าใจ ในเรื่องการเก็บมูลสัตว์ที่เหมาะสมก่อนนำไปใช้ประโยชน์ในการปลูกพืชอื่นๆและ พูดถึงมูลค่าของมูลสัตว์ โดยเฉพาะ โค 1 ตัวสามารถให้มูลได้ 3 ตันต่อปี (น้ำหนักสด) มูลไก่ มีธาติอาหารจำพวกในโตรเจนสูงมาก แต่ข้อเสีย ถ้านำไปใช้สด จะเกิดการหมัก และเกิดแก๊ซแอมโมเนียม แบบรุนแรง มีกลิ่นเหม็นและทำลายระบบของรากพืชได้เกิดความเสียหาย
ได้อบรมเรื่องการทำคลอดโค การฟักใข่ การอนุบาลสัตว์ไวอ่อนไก่พื้นเมืองเมื่ออายุได้ 1-3 สัปดาห์ ให้ฉีดวัคซีนนิวคาส เซ้น ด้วยการแทงปีก อาทิตย์ถัดไปให้ ฝีดาษให้ไก่กินยาเพราะไก่พื้นเมืองจะขาดหญ้าไม่ได้ เป็นเทคนิคผู้เข้าอบรมมีความสนใจสูงมีความกระตือรือร้นเพราะมองเห็นช่องทางในการปฎิบัติที่ง่าย ต้นทุนถูกขยายพันธ์ุเร็ว สร้างความสนใจให้คนรุ่นใหม่ที่มีพื้นที่อยู่น้อยนิด มาสร้างอาชีพเสริม ใช้เทคโนโลยีในการสร้างและพัฒนางาน ไม่มีใจหมกมุ่นที่ไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดมีความคิดที่จะพัฒนาสายพันธ์ไก่ชนให้เป็นกีฬา เพื่องสร้างมูลค่าเพิ่ม
มีผู้เข้าร่วมกิจกรรม 63 คน มีความสนใจตั้งใจเรียนรู้ มีการแลกเปลี่ยนคำถามที่มีข้อสงสัย และผู้เข้าร่วมจะนำไปปฏิัติใช้ในครัวเรือนต่อไป
เกิดแรงกระตุ้นในการสร้างอาชีพ คิดเทคโนโลยีใหม่จากภูมิปัญญา ในการพัฒนาสายพันธ์ไก่ แพะ โค ประยุกต์การเลี้ยงให้ทันกับความต้องการใช้จ่ายซึ่งมีผลทางด้านเศรษฐการ เช่น โค ผู้เข้าอบรมจะคิดถึงการเลี้ยงโคขุน เพราะเป็นการเลี้ยงระยะสั้น ใช้เวลาเพียง 3 เดือนก็สามารถมีเงินหมุนและเพิ่มทุนได้การเลี้ยงแพะ ผู้เข้าอบรมบาง มีแนวคิดที่จะยกระดับเป็นพันธ์ุแพะพื้นเมือง เพราะสามารถเลี้ยงง่ายกว่า มีรสชาติดีกว่า ซึ้งไม่ต่างจากไก่พื้นเมือง
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
- กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน และยางพารา
- กลุ่มผู้เลี้ยงปศุสัตว์,แพะ,ไก่พื้นเมือง,เพาะเลี้ยงประมง
- กลุ่มอาชีพรับจ้าง
- กลุ่มผู้สูงอายุ
- กลุ่มยุวเกษตรกรโรงเรียนบ้านอ่าวลึกน้อย และเยาวชนกลุ่มเสี่ยง
สร้างอาชีพเสริม ใช้เทคโนโลยีในการสร้างและพัฒนางาน ไม่มีใจหมกมุ่นที่ไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดมีความคิดที่จะพัฒนาสายพันธ์ไก่ชนให้เป็นกีฬา เพื่องสร้างมูลค่าเพิ่ม
จัดทำป้ายติดตั้งป้ายปลอดบุหรี่ ในพื้นที่ชุมชน
จัดทำป้ายติดตั้งป้ายปลอดบุหรี่ ในพื้นที่ชุมชน
จัดทำป้ายติดตั้งป้ายปลอดบุหรี่ ในพื้นที่ชุมชน ในพื้นที่ดังกล่าวได้สร้างความตระหนักไม่สูบบุหรี่ ชุมชนมีการปฏิบัติตามในพื้นที่ปลอดบุหรี่
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
ชาวบ้านในพื้นที่
-
-
-
เพื่อจัดทำรายงานโครงการ ปิดงวด 1
จัดทำรายงานโครงการ รายงานการเงิน ปิดงวด 1
จัดทำรายงานโครงการ รายงานการเงิน ปิดงวด 1
เกือบได้ตามเป้าหมาย (2)
ประกอบด้วย
ผู้รับผิดชอบและคณะทำงาน
-
-
-
- เพื่อขับเคลื่อนสภาผู้นำชุมชนและผลิตอาหารสัตว์ขับเคลื่อนสภาผู้นำชุมชนและผลิตอาหารสัตว์นำไปใช้ประโยชน์กับปศุสัตว์และประมง ไปใช้ในครัวเรือน
- รวมกลุ่มกันจัดตั้งสภาผู้นำชุมชนและผลิตใช้สำนักงานชีวินทร์เพื่อสุขภาวะชุมชนตั้งอยู่ ณ.ศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยี ประจำตำบลอ่าวลึกน้อยซึ่งมีเครื่องมือและอุปกรณ์พร้อมอยู่แล้ว เป็นที่ปฎิบัติกิจกรรม เพื่อผลิตอาหารสัตว์นำไปใช้ประโยชน์กับปศุสัตว์และประมง ไปใช้ในครัวเรือน เริ่มต้นการผลิตคนละ 30 กิโลกรัม ต้นทุนกิโลละ12บาท จากราตลาด กิโลกรัมละ30 บาท โดยการผลิตจากน้อยไปหามากและขยายไปยังกลุ่มอื่นๆ และชุมชนอื่นและดำเนินกิจกรรมไปได้ต่อเนื่องด้วยตนเอง
- กิจกรรมปฏิบัติการผลิตอาหารสัตว์ คือ ทำอาหารแพะและโคขุน โดยใช้วัตถุดิบ
- ทางใบปาล์มน้ำมันบด
- กากเม็ดในปาล์มน้ำมัน
- เปลือกหอยบดละเอียด
- รำละเอียด
- ปลาป่น
- น้ำมันพืช
- กากน้ำตาล
- จุลินทรีย์หมักจากน้ำใส่เดือน
- น้ำมะพร้าว
- ผสมเข้ากัน หมักด้วยระบบสุญญากาศ 15 วัน สามารถให้สัตว์กินได้ คุณค่าทางอาหารสอดคลองกับวัตถุดิบแต่ละชนิดที่ใช้และเหมาะแก่การเจริญเติบโตของสัตว์
- ใช้วิทยากรจากศูนย์วิจัยพันธ์สัตว์ ปศุสัตว์อำเภอ และศูนย์ทดสอบคุณภาพอาหารสัตว์ร่วมเป็นวิทยากร และนำตัวอย่างอาห่รไปตรวจสอบเพื่อหาค่า คุณค่าขออาหารน และความปลอดภัยต่อสัตว์และผู้บริโภคเนื้อสัตว์ เพื่อความชัดเจนอีกครั้งและนำอาหารที่ฝึกปฏิบัติ
- ฝึกในเชิงปฏิการแจกให้เกษตรกรได้ลองใช้และรายงานผลทั้งกระบวนการ ความชอบของสัตว์ ปริมาณการกิน ผลข้างเคียง อาหารปลา เน้นอาหารปลากินพืชและปลาดุก วัตถุดิบที่ใช้
- ทางปาล์มน้ำมันบดละเอียด
- ปลาป่น
- รำละเอียด
- กากเม็ดในปาล์ม
- แป้งข้าวเจ้า
- ผสมเข้ากันและนำมาอัดเม็ดผึ่งแดดแจกจ่ายให้กับกลุ่มเป้าหมายนำไปทดลองใช้ ใช้วิทยากรจาก ศูนย์ประมงชายฝั่งจังหวัดกระบี่ ประมงอำเภออ่าวลึก หน่วยตอบสอบวัตถุดิบกรรมประมง
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
- กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน และยางพารา
- กลุ่มผู้เลี้ยงปศุสัตว์,แพะ,ไก่พื้นเมือง,เพาะเลี้ยงประมง
- กลุ่มอาชีพรับจ้าง และเยาวชนกลุ่มเสี่ยงยาเสพติด
- เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการผลิต (เครื่องจักร) แนวทางแก้ไข ได้นำเสนอหน่วยงานตรงที่รับผิดชอบในส่วนของการนำเสนอโครงการเพื่อของบประมาณสนับสนุนและได้บรรจุไว้ในแผนพัฒนาของท้องถิ่น และแผนของจังหวัด
-
-
- เพื่อขับเคลื่อนสภาผู้นำชุมชนและผลิตอาหารสัตว์ขับเคลื่อนสภาผู้นำชุมชนและผลิตอาหารสัตว์นำไปใช้ประโยชน์กับปศุสัตว์และประมง ไปใช้ในครัวเรือน
- เชิญวิทยากรมาให้ความรูเ้ และฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ
- กิจกรรมปฏิบัติการผลิตอาหารสัตว์ คือ ทำอาหารแพะและโคขุน โดยใช้วัตถุดิบ
- ทางใบปาล์มน้ำมันบด
- กากเม็ดในปาล์มน้ำมัน
- เปลือกหอยบดละเอียด
- รำละเอียด
- ปลาป่น
- น้ำมันพืช
- กากน้ำตาล
- จุลินทรีย์หมักจากน้ำใส่เดือน
- น้ำมะพร้าว
- ผสมเข้ากัน หมักด้วยระบบสุญญากาศ 15 วัน สามารถให้สัตว์กินได้ คุณค่าทางอาหารสอดคลองกับวัตถุดิบแต่ละชนิดที่ใช้และเหมาะแก่การเจริญเติบโตของสัตว์ ใช้วิทยากรจากศูนย์วิจัยพันธ์สัตว์ ปศุสัตว์อำเภอ และศูนย์ทดสอบคุณภาพอาหารสัตว์ร่วมเป็นวิทยากร และนำตัวอย่างอาหารไปตรวจสอบเพื่อหาค่า คุณค่าของอาหาร และความปลอดภัยต่อสัตว์และผู้บริโภคเนื้อสัตว์ เพื่อความชัดเจนอีกครั้ง และนำอาหารที่ฝึกปฏิบัติ
- ฝึกในเชิงปฏิการแจกให้เกษตรกรได้ลองใช้และรายงานผลทั้งกระบวนการ ความชอบของสัตว์ ปริมาณการกิน ผลข้างเคียง อาหารปลา เน้นอาหารปลากินพืชและปลาดุก วัตถุดิบที่ใช้
- ทางปาล์มน้ำมันบดละเอียด
- ปลาป่น
- รำละเอียด
- กากเม็ดในปาล์ม
- แป้งข้าวเจ้า
- ผสมเข้ากันและนำมาอัดเม็ดผึ่งแดดแจกจ่ายให้กับกลุ่มเป้าหมายนำไปทดลองใช้ ใช้วิทยากรจาก ศูนย์ประมงชายฝั่งจังหวัดกระบี่ ประมงอำเภออ่าวลึก หน่วยตอบสอบวัตถุดิบกรรมประมง
บรรลุผลมากกว่าเป้าหมาย (4)
ประกอบด้วย
- กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน และยางพารา
- กลุ่มผู้เลี้ยงปศุสัตว์,แพะ,ไก่พื้นเมือง,เพาะเลี้ยงประมง
- กลุ่มอาชีพรับจ้าง และเยาวชนกลุ่มเสี่ยงยาเสพติด
- เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการผลิต (เครื่องจักร) แนวทางแก้ไข ได้นำเสนอหน่วยงานตรงที่รับผิดชอบในส่วนของการนำเสนอโครงการเพื่อของบประมาณสนับสนุนและได้บรรจุไว้ในแผนพัฒนาของท้องถิ่น และแผนของจังหวัด
-
-
- เพื่อขับเคลื่อนสภาผู้นำชุมชนและผลิตอาหารสัตว์นำไปใช้ประโยชน์กับปศุสัตว์และประมง ไปใช้ในครัวเรือน
- รวมกลุ่มกันจัดตั้งสภาผู้นำชุมชนและผลิตใช้สำนักงานชีวินทร์เพื่อสุขภาวะชุมชนตั้งอยู่ ณ.ศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยี ประจำตำบลอ่าวลึกน้อยซึ่งมีเครื่องมือและอุปกรณ์พร้อมอยู่แล้ว เป็นที่ปฎิบัติกิจกรรม เพื่อผลิตอาหารสัตว์นำไปใช้ประโยชน์กับปศุสัตว์และประมง ไปใช้ในครัวเรือน เริ่มต้นการผลิตคนละ 30 กิโลกรัม ต้นทุนกิโลละ 12 บาท จากราตลาด กิโลกรัมละ 30 บาท โดยการผลิตจากน้อยไปหามากและขยายไปยังกลุ่มอื่นๆ และชุมชนอื่นและดำเนินกิจกรรมไปได้ต่อเนื่องด้วยตนเอง
กิจกรรมปฏิบัติการผลิตอาหารสัตว์ คือ ทำอาหารแพะและโคขุน โดยใช้วัตถุดิบ 1.ทางใบปาล์มน้ำมันบด 2.กากเม็ดในปาล์มน้ำมัน 3.เปลือกหอยบดละเอียด 4.รำละเอียด 5.ปลาป่น 6.น้ำมันพืช 7.กากน้ำตาล 8.จุลินทรีย์หมักจากน้ำใส่เดือน 9.น้ำมะพร้าว ผสมเข้ากัน หมักด้วยระบบสุญญากาศ 15 วัน สามารถให้สัตว์กินได้ คุณค่าทางอาหารสอดคลองกับวัตถุดิบแต่ละชนิดที่ใช้และเหมาะแก่การเจริญเติบโตของสัตว์ ใช้วิทยากรจากศูนย์วิจัยพันธ์สัตว์ ปศุสัตว์อำเภอ และศูนย์ทดสอบคุณภาพอาหารสัตว์ร่วมเป็นวิทยากร และนำตัวอย่างอาห่รไปตรวจสอบเพื่อหาค่า คุณค่าขออาหารน และความปลอดภัยต่อสัตว์และผู้บริโภคเนื้อสัตว์ เพื่อความชัดเจนอีกครั้งและนำอาหารที่ฝึกปฏิบัติ ฝึกในเชิงปฏิการแจกให้เกษตรกรได้ลองใช้และรายงานผลทั้งกระบวนการ - ความชอบของสัตว์ ปริมาณการกิน ผลข้างเคียง อาหารปลา เน้นอาหารปลากินพืชและปลาดุกวัตถุดิบที่ใช้ 1.ทางปาล์มน้ำมันบดละเอียด 2.ปลาป่น 3.รำละเอียด 4.กากเม็ดในปาล์ม 5.แป้งข้าวเจ้า ผสมเข้ากันและนำมาอัดเม็ดผึ่งแดดแจกจ่ายให้กับกลุ่มเป้าหมายนำไปทดลองใช้ ใช้วิทยากรจาก ศูนย์ประมงชายฝั่งจังหวัดกระบี่ ประมงอำเภออ่าวลึก หน่วยตอบสอบวัตถุดิบกรรมประมง
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
- กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน และยางพารา
- กลุ่มผู้เลี้ยงปศุสัตว์,แพะ,ไก่พื้นเมือง,เพาะเลี้ยงประมง
- กลุ่มอาชีพรับจ้าง และเยาวชนกลุ่มเสี่ยงยาเสพติด
- เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการผลิต (เครื่องจักร) แนวทางแก้ไข ได้นำเสนอหน่วยงานตรงที่รับผิดชอบในส่วนของการนำเสนอโครงการเพื่อของบประมาณสนับสนุนและได้บรรจุไว้ในแผนพัฒนาของท้องถิ่น และแผนของจังหวัด
-
-
- เพื่อขับเคลื่อนสภาผู้นำชุมชนและผลิตอาหารสัตว์นำไปใช้ประโยชน์กับปศุสัตว์และประมง ไปใช้ในครัวเรือน
- วิธีการจัดตั้งสภาผู้นำโดยคัดเลือกจากผู้นำที่เป็นทางการ คือ ผู้ใหญ่บ้าน อบต.รพสต. เกษตรตำบล และหน่วยงานราชการในพื้นที่ทั้งหมด
- ผูู้นำตามธรรมชาติ คือ ปราชญ์ชาวบ้าน กลุ่มเยาวชน ผูู้นำกลุ่มอาชีพ กลุ่มแม่บ้าน ผู้นำมัสยิด โดยการคัดเลือกผู้นำแต่ละส่วนในชุมชนเข้ามาร่วมเป็น คณะกรรมการสภาผู้นำชุมชน ประกอบด้วย ประธาน รองประธานคนที่ 1 รองประธานคนที่ 2 เลขา รองเลขา เหรัญญิก ประชาสัมพันธ์ มีคณะกรรมทั้งหมด 16 คน ประธาน1คน รองประธาน2 คน เลขาและรองเลขารวม2 คน เหรัญญิก 1คน ประชาสัมพันธ์ 1 คน และ 9 คน ที่เหลือคือกรรมการ และที่ปรึกษา 2 คน โดยใช้วิธีการเสนอชื่อโหวด และรับรองผู้ที่ถูกเสนอชื่อ ให้นั้งในตำแหน่งต่าง ๆ มีนาย ประเสริฐ ชาตวิทยบุตร ได้รับเลือกเป็นประธาน
- มีสภาผู้นำชุมชน ประธานชี้แจงหน้าที่ตามตำแหน่งแต่ละตำแหน่ง วางกฏ ระเบียบ กติกา หรือที่เรียกว่ารัฐธรรมนูญชุมชนโนใช้หลักนิติศาสตร์อิสลามเป็นแม่แบบตามอัตลักณ์ชุมชน เพื่อการขับเคลื่อนชุมชนอย่างมีประสิทธิภาพ มีความเป็นธรรม ในการใช้ธรรมชาติร่วม การแบ่งปันผลประโยชน์ที่เกิดจาก สินทรัพทางธรรมชาติของชุมชน โดยเน้นคน คุณภาพชีวิตคนเป็นสำคัญ
- กิจกรรมปฏิบัติการผลิตอาหารสัตว์ คือ ทำอาหารแพะและโคขุน โดยใช้วัตถุดิบ
- ทางใบปาล์มน้ำมันบด
- กากเม็ดในปาล์มน้ำมัน
- เปลือกหอยบดละเอียด
- รำละเอียด
- ปลาป่น
- น้ำมันพืช
- กากน้ำตาล
- จุลินทรีย์หมักจากน้ำใส่เดือน
- น้ำมะพร้าว
- ผสมเข้ากัน หมักด้วยระบบสุญญากาศ 15 วัน สามารถให้สัตว์กินได้ คุณค่าทางอาหารสอดคลองกับวัตถุดิบแต่ละชนิดที่ใช้และเหมาะแก่การเจริญเติบโตของสัตว์ ใช้วิทยากรจากศูนย์วิจัยพันธ์สัตว์ ปศุสัตว์อำเภอ และศูนย์ทดสอบคุณภาพอาหารสัตว์ร่วมเป็นวิทยากร และนำตัวอย่างอาห่รไปตรวจสอบเพื่อหาค่า คุณค่าขออาหารน และความปลอดภัยต่อสัตว์และผู้บริโภคเนื้อสัตว์ เพื่อความชัดเจนอีกครั้งและนำอาหารที่ฝึกปฏิบัติ ฝึกในเชิงปฏิการแจกให้เกษตรกรได้ลองใช้และรายงานผลทั้งกระบวนการ - ความชอบของสัตว์ ปริมาณการกิน ผลข้างเคียง อาหารปลา เน้นอาหารปลากินพืชและปลาดุก
วัตถุดิบที่ใช้
- ทางปาล์มน้ำมันบดละเอียด
- ปลาป่น
- รำละเอียด
- กากเม็ดในปาล์ม
- แป้งข้าวเจ้า
- ผสมเข้ากันและนำมาอัดเม็ดผึ่งแดดแจกจ่ายให้กับกลุ่มเป้าหมายนำไปทดลองใช้ ใช้วิทยากรจาก ศูนย์ประมงชายฝั่งจังหวัดกระบี่ ประมงอำเภออ่าวลึก หน่วยตอบสอบวัตถุดิบกรรมประมง
บรรลุผลมากกว่าเป้าหมาย (4)
ประกอบด้วย
- กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน และยางพารา
- กลุ่มผู้เลี้ยงปศุสัตว์,แพะ,ไก่พื้นเมือง,เพาะเลี้ยงประมง
- กลุ่มอาชีพรับจ้าง และเยาวชนกลุ่มเสี่ยงยาเสพติด
- เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการผลิต (เครื่องจักร) แนวทางแก้ไข ได้นำเสนอหน่วยงานตรงที่รับผิดชอบในส่วนของการนำเสนอโครงการเพื่อของบประมาณสนับสนุนและได้บรรจุไว้ในแผนพัฒนาของท้องถิ่น และแผนของจังหวัด
-
-
เพื่อเรียนรู้กระบวนการฝึกปฏิบัติ โดยเทียบเคียง โครงการปีก่อน เป็นจุดดึงดูด- เพื่อให้มีคณะทำงาน มีทีม มีกลุ่มเป้าหมาย
เกิ่นนำในเรื่องของกระบวนการการนำวัสดุเหลือใช้ มาใช้ประโยชน์ โดยวิดีทัศน์จากการปฏิบัติงานของโครงการเมื่องปีที่แล้ว ในเรื่องของการเลี้ยงใส้เดือนดิน ในรูปกระบวนการของการได้มาซึ่งปุ๋ย และ เปรียบเทียบให้เห็นโดย นำวัสดุเหลือใช้ภาคประมง เช่น เปลือกหอย สามารสนำมาผสมกับทางปาล์ม และเศษอาหารมาทำเป็นอาหารสัตว์ได้ สอนให้ได้รู้ถึงขั้นตอน วิธีการ การเลือกวัสดุ มาผสมกันโดยคำนึงถึง คุณค่ะของอาหารที่มีประโยชน์ ในวัสดุแต่ละชนิดเป็นที่ตั้ง โดยใช้หลักวิชาการ และนักวิชาการ จากศูนย์วิจัยพันธ์สัตว์มาเป็นวิทยากร
นำวัสดุเหลือใช้ มาใช้ประโยชน์ โดยวิดีทัศน์จากการปฏิบัติงานของโครงการเมื่อปีที่แล้ว ในเรื่องของการเลี้ยงใส้เดือนดิน ในรูปกระบวนการของการได้มาซึ่งปุ๋ย และ เปรียบเทียบให้เห็นโดย นำวัสดุเหลือใช้ภาคประมง เช่น เปลือกหอย สามารสนำมาผสมกับทางปาล์ม และเศษอาหารมาทำเป็นอาหารสัตว์ได้ สอนให้ได้รู้ถึงขั้นตอน วิธีการ การเลือกวัสดุ มาผสมกันโดยคำนึงถึง คุณค่ะของอาหารที่มีประโยชน์ ในวัสดุแต่ละชนิดเป็นที่ตั้ง
บรรลุผลมากกว่าเป้าหมาย (4)
ประกอบด้วย
1.กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน และยางพารา
2.กลุ่มผู้เลี้ยงปศุสัตว์,แพะ,ไก่พื้นเมือง,เพาะเลี้ยงประมง
3.กลุ่มอาชีพรับจ้าง และเยาวชนกลุ่มเสี่ยงยาเสพติด
เครื่องมือในการปฎิบัติงานยังไม่สมบูรณ์แบบ แนวทางแก้ไข หาช่องทางการจัดซื้อโดยการนำเสนอโครงการไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข่องในอนาคต
-
-
เพื่อเรียนรู้กระบวนการฝึกปฏิบัติ โดยเทียบเคียง โครงการปีก่อน เป็นจุดดึงดูด- เพื่อให้มีคณะทำงาน มีทีม มีกลุ่มเป้าหมาย
เกิ่นนำในเรื่องของกระบวนการการนำวัสดุเหลือใช้ มาใช้ประโยชน์ โดยวิดีทัศน์จากการปฏิบัติงานของโครงการเมื่องปีที่แล้ว ในเรื่องของการเลี้ยงใส้เดือนดิน ในรูปกระบวนการของการได้มาซึ่งปุ๋ย และ เปรียบเทียบให้เห็นโดย นำวัสดุเหลือใช้ภาคประมง เช่น เปลือกหอย สามารสนำมาผสมกับทางปาล์ม และเศษอาหารมาทำเป็นอาหารสัตว์ได้ สอนให้ได้รู้ถึงขั้นตอน วิธีการ การเลือกวัสดุ มาผสมกันโดยคำนึงถึง คุณค่ะของอาหารที่มีประโยชน์ ในวัสดุแต่ละชนิดเป็นที่ตั้ง โดยใช้หลักวิชาการ และนักวิชาการ จากศูนย์วิจัยพันธ์สัตว์มาเป็นวิทยากร
นำวัสดุเหลือใช้ มาใช้ประโยชน์ โดยวิดีทัศน์จากการปฏิบัติงานของโครงการเมื่องปีที่แล้ว ในเรื่องของการเลี้ยงใส้เดือนดิน ในรูปกระบวนการของการได้มาซึ่งปุ๋ย และ เปรียบเทียบให้เห็นโดย นำวัสดุเหลือใช้ภาคประมง เช่น เปลือกหอย สามารถนำมาผสมกับทางปาล์ม และเศษอาหารมาทำเป็นอาหารสัตว์ได้ สอนให้ได้รู้ถึงขั้นตอน วิธีการ การเลือกวัสดุ มาผสมกันโดยคำนึงถึง คุณค่ะของอาหารที่มีประโยชน์ ในวัสดุแต่ละชนิดเป็นที่ตั้ง
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
1.กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน และยางพารา
2.กลุ่มผู้เลี้ยงปศุสัตว์,แพะ,ไก่พื้นเมือง,เพาะเลี้ยงประมง
3.กลุ่มอาชีพรับจ้าง และเยาวชนกลุ่มเสี่ยงยาเสพติด
เครื่องมือในการปฎิบัติงานยังไม่สมบูรณ์แบบ แนวทางแก้ไข หาช่องทางการจัดซื้อโดยการนำเสนอโครงการไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข่องในอนาคต
-
-
เพื่อเรียนรู้กระบวนการฝึกปฏิบัติ โดยเทียบเคียง โครงการปีก่อน เป็นจุดดึงดูด- เพื่อให้มีคณะทำงาน มีทีม มีกลุ่มเป้าหมาย
สาธิตวิธีเชิงปฏิบัติการ การผลิตปุ๋ยและการทำอาหารสัตว์และอาหารปลา อาหารสัตว์ คือ ทำอาหารแพะและโคขุน โดยใช้วัตถุดิบ
1. ทางใบปาล์มน้ำมันบด 2.กากเม็ดในปาล์มน้ำมัน 3.เปลือกหอยบดละเอียด 4.รำละเอียด 5.ปลาป่น 6.น้ำมันพืช 7.กากน้ำตาล 8.จุลินทรีย์หมักจากน้ำใส่เดือน 9.น้ำมะพร้าว ผสมเข้ากัน หมักด้วยระบบสุญญากาศ 15 วัน สามารถให้สัตว์กินได้ คุณค่าทางอาหารสอดคลองกับวัตถุดิบแต่ละชนิดที่ใช้และเหมาะแก่การเจริญเติบโตของสัตว์ ใช้วิทยากรจากศูนย์วิจัยพันธ์สัตว์ ปศุสัตว์อำเภอ และศูนย์ทดสอบคุณภาพอาหารสัตว์ร่วมเป็นวิทยากร และนำตัวอย่างอาห่รไปตรวจสอบเพื่อหาค่า คุณค่าขออาหารน และความปลอดภัยต่อสัตว์และผู้บริโภคเนื้อสัตว์ เพื่อความชัดเจนอีกครั้งและนำอาหารที่ฝึกปฏิบัติ ฝึกในเชิงปฏิการแจกให้เกษตรกรได้ลองใช้และรายงานผลทั้งกระบวนการ - ความชอบของสัตว์ ปริมาณการกิน ผลข้างเคียง อาหารปลา เน้นอาหารปลากินพืชและปลาดุกวัตถุดิบที่ใช้ 1.ทางปาล์มน้ำมันบดละเอียด 2.ปลาป่น 3.รำละเอียด 4.กากเม็ดในปาล์ม 5.แป้งข้าวเจ้า ผสมเข้ากันและนำมาอัดเม็ดผึ่งแดดแจกจ่ายให้กับกลุ่มเป้าหมายนำไปทดลองใช้ ใช้วิทยากรจาก ศูนย์ประมงชายฝั่งจังหวัดกระบี่ ประมงอำเภออ่าวลึก หน่วยตอบสอบวัตถุดิบกรรมประมง
-เรียนรู้การปฏิบัติการทำปุ๋ยและอาหารสัตว์โดยอาศัยหลักวิชาการที่ถูกต้อง ใช้วัสดุเหลือใช้ในครัวเรือนให้เกิดประโยชน์ สร้างจิตสำนึกร่วมโดยเล็งเห็นคุณค่าของการบริโภคอาหารที่ปลอดภัย
บรรลุผลมากกว่าเป้าหมาย (4)
ประกอบด้วย
- กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน และยางพารา
- กลุ่มผู้เลี้ยงปศุสัตว์,แพะ,ไก่พื้นเมือง,เพาะเลี้ยงประมง
- กลุ่มอาชีพรับจ้าง และเยาวชนกลุ่มเสี่ยงยาเสพติด
เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการผลิต (เครื่องจักร) แนวทางแก้ไข ได้นำเสนอหน่วยงานตรงที่รับผิดชอบในส่วนของการนำเสนอโครงการเพื่อของบประมาณสนับสนุนและได้บรรจุไว้ในแผนพัฒนาของท้องถิ่น และแผนของจังหวัด
-
-
- เพื่อเรียนรู้กระบวนการฝึกปฏิบัติ โดยเทียบเคียง โครงการปีก่อน เป็นจุดดึงดูด- เพื่อให้มีคณะทำงาน มีทีม มีกลุ่มเป้าหมาย
สาธิตวิธีเชิงปฏิบัติการ การผลิตปุ๋ยและการทำอาหารสัตว์และอาหารปลา อาหารสัตว์ มีการสาธิตวิธีเชิงปฏิบัติการ การผลิตปุ๋ยและการทำอาหารสัตว์และอาหารปลา อาหารสัตว์ คือ ทำอาหารแพะและโคขุน
วัตถุดิบที่ใช้
- ทางใบปาล์มน้ำมันบด
- กากเม็ดในปาล์มน้ำมัน
- เปลือกหอยบดละเอียด
- รำละเอียด
- ปลาป่น
- น้ำมันพืช
- กากน้ำตาล
- จุลินทรีย์หมักจากน้ำใส่เดือน
- น้ำมะพร้าว
- วิธีการทำ
- ผสมเข้ากัน
- หมักด้วยระบบสุญญากาศ 15 วัน สามารถให้สัตว์กินได้
คุณค่าทางอาหารสอดคลองกับวัตถุดิบแต่ละชนิดที่ใช้และเหมาะแก่การเจริญเติบโตของสัตว์ ใช้วิทยากรจากศูนย์วิจัยพันธ์สัตว์ ปศุสัตว์อำเภอ และศูนย์ทดสอบคุณภาพอาหารสัตว์ร่วมเป็นวิทยากร และนำตัวอย่างอาหารไปตรวจสอบเพื่อหาค่า คุณค่าของอาหาร และความปลอดภัยต่อสัตว์และผู้บริโภคเนื้อสัตว์ เพื่อความชัดเจนอีกครั้งและนำอาหารที่ฝึกปฏิบัติ ฝึกในเชิงปฏิการแจกให้เกษตรกรได้ลองใช้และรายงานผลทั้งกระบวนการ
ความชอบของสัตว์ ปริมาณการกิน ผลข้างเคียง อาหารปลา เน้นอาหารปลากินพืชและปลาดุกวัตถุดิบที่ใช้ 1.ทางปาล์มน้ำมันบดละเอียด 2.ปลาป่น 3.รำละเอียด 4.กากเม็ดในปาล์ม 5.แป้งข้าวเจ้า ผสมเข้ากันและนำมาอัดเม็ดผึ่งแดดแจกจ่ายให้กับกลุ่มเป้าหมายนำไปทดลองใช้ ใช้วิทยากรจาก ศูนย์ประมงชายฝั่งจังหวัดกระบี่ ประมงอำเภออ่าวลึก หน่วยตอบสอบวัตถุดิบกรรมประมง
- เรียนรู้การปฏิบัติโดยอาศัยวิชาการที่ถูกต้อง โดยใช้วัสดุเหลือใช้ในครัวเรือนให้เกิดประโยชน์ สร้างจิตสำนึกร่วมโดยเลงเห็นคุณค่าของชีวิตที่ปลอดภัย
บรรลุผลมากกว่าเป้าหมาย (4)
ประกอบด้วย
- กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน และ ยางพารา
- กลุ่มผู้เลี้ยงปศุสัตว์,แพะ,ไก่พื้นเมือง,เพาะเลี้ยงประมง
- กลุ่มอาชีพรับจ้าง และ เยาวชนกลุ่มเสี่ยงยาเสพติด
- เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการผลิต (เครื่องจักร) แนวทางแก้ไข ได้นำเสนอหน่วยงานตรงที่รับผิดชอบในส่วนของการนำเสนอโครงการเพื่อของบประมาณสนับสนุนและได้บรรจุไว้ในแผนพัฒนาของท้องถิ่น และแผนของจังหวัด
-
-
มีคณะทำงาน มีทีม มีกลุ่มเป้าหมาย
เรียนรู้กระบวนการฝึกปฏิบัติ โดยเทียบเคียง โครงการปีก่อน เป็นจุดดึงดูด -ปฏิบัติได้โดยอาศัยวิชาการที่ถูกต้อง -มีความรับผิดชอบ ในระบบสุขภาพที่สำคัญที่สุด -มีจิตสำนึกว่าชีวิตคนอื่นที่สำคัญเยื่องชีวิตตน -บริโภคอาหารปลอดภัย ชีวิตปลอดภัย ห่างไกลยาเสพติด -ผลิตอาหารแบบปลอดภัย ชีวิตครัวเรือน ชุมชน สุขภาพดี
- เกิดกระบวนการเรียนรู้อย่างหลากหลายจากการนำวัสดุเหลือใช้จากครัวเรือน และภาคการเกษตรมาทำให้เกิดประโยชน์แก่ครัวเรือน
- เกิดการผสมผสานระหว่างภูมิปัญญาท้องถิ่นและหลักวิชาการก่อเป็นนวัตกรรมชุมชน เกี่ยวกับสูตรอาหารสัตว์
- ทำให้เกิดแนวคิดในการพึ่งพาตัวเองบนพื้นฐานของความเป็นจริง โดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในท้องถิ่นมาสร้างคุณค่าให้เกิดประโยชน์สูงสุด
- เกิดบทเรียน นำไปสู่การพัฒนา แบบบูรณาการโดยประชาชน นำราชการ และสนองตามบริบท และความเหมาะสม
- เยาวชนคนรุ่นใหม่เกิดแรงบันดาลใจ ในการเข้าร่วมกิจกรรม
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
1.กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน และ ยางพารา
2.กลุ่มผู้เลี้ยงปศุสัตว์,แพะ,ไก่พื้นเมือง,เพาะเลี้ยงประมง
3.กลุ่มอาชีพรับจ้าง และ เยาวชนกลุ่มเสี่ยงยาเสพติด
-
-
-
มีคณะทำงาน มีทีม มีกลุ่มเป้าหมาย
เกริ่นนำในเรื่องของกระบวนการการนำวัสดุเหลือใช้ มาใช้ประโยชน์ โดยดูวิดีทัศน์จากการปฏิบัติงานของโครงการเมื่องปีที่แล้ว ในเรื่องของการเลี้ยงใส้เดือนดิน ในรูปกระบวนการของการได้มาซึ่งปุ๋ย และ เปรียบเทียบให้เห็นโดย นำวัสดุเหลือใช้ภาคประมง เช่น เปลือกหอย สามารถนำมาผสมกับทางปาล์ม และเศษอาหารมาทำเป็นอาหารสัตว์ได้ สอนให้ได้รู้ถึงขั้นตอน วิธีการ การเลือกวัสดุ มาผสมกันโดยคำนึงถึง คุณค่าของอาหารที่มีประโยชน์ ในวัสดุแต่ละชนิดเป็นที่ตั้ง โดยใช้หลักวิชาการ และนักวิชาการ จากศูนย์วิจัยพันธ์สัตว์มาเป็นวิทยากร
- เกิดกระบวนการเรียนรู้อย่างหลากหลายจากการนำวัสดุเหลือใช้จากครัวเรือน และภาคการเกษตรมาทำให้เกิดประโยชน์แก่ครัวเรือน
- เกิดการผสมผสานระหว่างภูมิปัญญาท้องถิ่นและหลักวิชาการก่อเป็นนวัตกรรมชุมชน เกี่ยวกับสูตรอาหารสัตว์
- ทำให้เกิดแนวคิดในการพึ่งพาตัวเองบนพื้นฐานของความเป็นจริง โดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในท้องถิ่นมาสร้างคุณค่าให้เกิดประโยชน์สูงสุด
- เกิดบทเรียน นำไปสู่การพัฒนา แบบบูรณาการโดยประชาชน นำราชการ และสนองตามบริบท และความเหมาะสม
- เยาวชนคนรุ่นใหม่เกิดแรงบันดาลใจ ในการเข้าร่วมกิจกรรม
บรรลุผลมากกว่าเป้าหมาย (4)
ประกอบด้วย
1.กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน และ ยางพารา
2.กลุ่มผู้เลี้ยงปศุสัตว์,แพะ,ไก่พื้นเมือง,เพาะเลี้ยงประมง
3.กลุ่มอาชีพรับจ้าง และ เยาวชนกลุ่มเสี่ยงยาเสพติด
เครื่องมือในการปฎิบัติงานยังไม่สมบูรณ์แบบ แนวทางแก้ไข หาช่องทางการจัดซื้อโดยการนำเสนอโครงการไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข่องในอนาคต
-
-
มีคณะทำงาน มีทีม มีกลุ่มเป้าหมาย
- เวทีชี้แจงวัตถุประสงค์ของโครงการ สร้างความตระหนักร่วม ในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อการขับเคลื่อนสภาผู้นำชุมชน อธิบายรายละเอียดและแจกเอกสารประกอบการบรรยาย กิจกรรมโครงการ การพัฒนาศักยภาพของกลุ่ม การเริ่มต้นการขยาย การสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับตัวโครงการ และมีการบอกถึงการปฏิบัติงาน
- ชี้แจงจุดมุ่งหมายที่สำคัญของ สสส. เรื่องหน่วยงานและภาคีร่วมของ สสส. ผู้รับผิดชอบ ตลอดจนพี่เลี้ยงของโครงการ งบประมาณที่ได้รับการสนับสนุน
- เวทีชี้แจงวัตถุประสงค์ของโครงการ สร้างความตระหนักร่วม ในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อการขับเคลื่อนสภาผู้นำชุมชน อธิบายรายละเอียดและแจกเอกสารประกอบการบรรยาย กิจกรรมโครงการ การพัฒนาศักยภาพของกลุ่ม การเริ่มต้นการขยาย การสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับตัวโครงการ และมีการบอกถึงการปฏิบัติงาน ทีมนำ ทีมทำ ทีมร่วม และได้แจ้งให้กลุ่มเป้าหมายได้ทราบในส่วนของการจัดการ การวางทีมเพื่อการปฏิบัติ เป็น ทีมนำ ทีมทำ ทีมร่วม และติดตามผลให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมทราบ ว่ามีใครบ้าง แจ้งที่มาที่ไปของโครงการซึ่งล้วนแต่เกิดจากปัญหาของครัวเรือนในชุมชนทั้งสิ้นและเชื่อมโยงไปถึงแผนพัฒนาหมู่บ้าน ชี้ให้เห็นถึงชุมชนเข้งแข็งจะต้องมีคุณลักษณะอย่างไร จากรายบุคคล สู่ครอบครัว ชุมชน สังคม ทำดีเพื่อตอบแทนแผ่นดิน ครอบครัวท้องถิ่นมั่นคง ดำรงชีวิตแบบพอเพียง ตามหลักสุขภาวะ 4 มิติ สร้างกลุ่มให้เกิดงานในชุมชน "สู่" ธนาคารเพื่อความมั้นคงทางอาหารของชุมชน โดยสภาผู้นำชุมชนเป็นฟันเฟืองในการขับเคลื่อน เริ่มจากการผลิตที่มีคุณภาพไม่ใช้สารเคมีทุกประเภท การแปรรูปเพื่อยกระดับราคา ทำเอง กินเอง ใช้เอง เพื่อให้เห็นถึงค่าใช้จ่ายในครัวเรือนที่รั่วไหลออกจากชุมชน แถมยังไม่มีความปลอดภัยในชีวิต และวางโครงสร้างให้เห็นถึงกระบวนการทำงานของโครงการกับคาดหวังที่อยากเห็น และอยากให้เป็น ต้องอาศัยความร่วมมือจากพี่น้องลูกหลานในชุมชนทุกท่าน ชุมชนท้องถิ่นเป็นฐานของสังคม ชุมชนเข้มแข็งอยู่ที่คน คนในชุมชนพึ่งตนเองได้ คนในชุมชนพึ่งพาช่วยเหลือกัน กลุ่มช่วยเหลือกันในกลุ่ม เครือข่ายช่วยเหลือกันระหว่างกลุ่มองค์กร มีเหตุผล ร่วมคิดร่วมทำ ร่วมเรียนรู้ มีความพอประมาณ ทำให้สังคมเข้มแข็ง มีภูมิคุ้มกัน เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน มีการจัดทำแผนชีวิตและครอบครัว และมีการตอบรับดีมากจากกลุ่มเป้าหมายและสมาชิกที่ยังไม่ได้เข้าร่วมโครงการ
- ชี้แจงจุดมุ่งหมายที่สำคัญของ สสส. เรื่องหน่วยงานและภาคีร่วมของ สสส. ผู้รับผิดชอบ ตลอดจนพี่เลี้ยงของโครงการ งบประมาณที่ได้รับการสนับสนุน การพัฒนาศักยภาพของคน เพื่อให้ชุมชนเข้มแข็ง การจัดการข้อมูล วิเคราะห์ ปัญหา การแก้ปัญหา การทำแผนพัฒนาเพื่อเป็นเครื่องมือในการพัฒนา การบริหารจัดการโครงการ กลไกล คือพี่เลี้ยง การสนับสนุนของพี่เลี้ยง
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
1.กลู่มแม่บ้านเกษตรกร 2.กลุ่มผู้เลี้ยงปศุสัตว์ 3.กลุ่มรับจ้าง 4.ยุวเกษตรกรโรงเรียนบ้านอ่าวลึกน้อย
กลุ่มเป้าหมายบางส่วนไปทัศนศึกษาดูงานกับท้องถิ่น และบางส่วนไปร่วมกิจกรรมกับการจัดงานมัสยิด ต่อไปต้องประมาณการหรือสำรวจจำนวนผู้เข้าร่วมในแต่ครั้งก่อนจัดกิจกรรมเพื่อให้จำนวนกลุ่มเป้าหมายเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้
-
-
- เพื่อสร้างความเข้าใจแนวทางการดำเนินงานโครงการท้องถิ่นน่าอยู่
-ทราบแนวทางในการจัดทำรายงานผล และรายงานการเงิน โดยการทำรายงานการเงินแยกรายกิจกรรม/ครั้ง กระบวนการและระบบการติดตามประเมินผล การทำรายงานโครงการ และ รายงานการเงิน การป้อนข้อมูลรายละเอียดโครงการในเว็บไซต์ การป้อนแผนการดำเนินงานในปฏิทินโครงการ การรายงานผลการจัดกิจกรรม และรายจ่ายในกิจกรรมและการจัดทำรายงาน
ทราบแนวทางในการจัดทำรายงานผล และรายงานการเงิน
บันทึกการประชุม วาระการประชุม เอกสารประกอบการประชุมพร้อมภาพถ่ายกิจกรรม
กรณีมีค่าอาหาร ต้องมีหลักฐานทางการเงิน ได้แก่ใบสำคัญรับเงินหรือใบบิลเงินสด
กรณีจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ (ค่าวัสดุ คือ ค่าใช้จ่ายเพื่อวัสดุสิ้นเปลืองในการทำกิจกรรม ได้แก่ วัสดุเครื่องเขียน วัสดุสำนักงาน วัสดุโฆษณาและเผยแพร่) ต้องมีหลักฐานทางการเงิน ได้แก่ใบสำคัญรับเงิน/บิลเงินสด โดยออกจากร้านมีชื่อที่อยู่ของร้านชัดเจน มีเลขกำกับภาษี/เลขบัตรประชาชน ของเจ้าของร้าน บิลออกในนามโครงการของพื้นที่ตนเอง
ค่าใช้สอย ได้แก่ ค่าพาหนะ ค่าที่พัก ค่าถ่ายเอกสาร ค่าอาหารและเครื่องดื่ม
ค่าตอบแทน ได้แก่ ค่าตอบแทนวิทยากร กรณีเป็นรายชั่วโมง ต้องมีความรู้ความชำนาญ กรณีเป็นปราญชชาวบ้าน หรือ เจ้าหน้าที่ รพ.สต. คิดเป็นรายชั่วโมง 600 บาท,กรณีเป็นคนต่างพื้นที่ สามารถเบิกได้ 1000 บาท/วัน
ใบสำคัญรับเงินจะต้องไม่มีรอยลบ รอยขูดหรือรอยขีดเขียน **ห้ามใช้ใบส่งของแทนบิลเงินสดหรือใบสำคัญรับเงิน
รายชื่อผู้เข้าร่วมกิจกรรม จะต้องมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมอย่างน้อย มากกว่า หรือเท่ากับ 5-10 % ของเป้าหมายที่วางไว้
รับรู้การบริหารจัดการโครงการ (ทีมงาน/ชุมชน) และวิธีการจัดการปัญหา การทำรายงานโครงการ และ รายงานการเงิน การป้อนข้อมูลรายละเอียดโครงการในเว็บไซต์
ทุกกิจกรรมจะต้องมีการบันทึกรายละเอียดกิจกรรมและรายละเอียดทางการเงิน ในเว็ปไซต์ www.happynetwork.org
สามารถรับรู้ถึงกระบวนการและระบบการติดตามประเมินผล เพื่อการหนุนเสริมโครงการร่วมสร้างชุมชนและท้องถิ่นให้น่าอยู่พื้นที่ภาคใต้ ทบทวนและออกแบบเชิงระบบของโครงการ
การวางแผนการดำเนินงาน และการป้อนแผนการดำเนินงานในปฏิทินโครงการ
การรายงานผลการจัดกิจกรรม และรายจ่ายในกิจกรรมและการจัดทำรายงาน
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
- นายประเสริฐ ชาตวิทยบุตร 2.นางสาวกิราปาย ชาตวิทยบุตร
-ระบบอินเตอร์ มีปัญหา เป็นอุปสรรคในการทำงาน
-
-