ชื่อโครงการ | ส่งเสริมอาชีพ บ้านกาโต |
ภายใต้โครงการ | โครงการการฟื้นฟูคุณภาพชีวิต และพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากแก่ผู้ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 เพื่อการสร้างเสริมสุขภาวะจังหวัดภาคใต้ |
ภายใต้องค์กร | Node โควิค ภาคใต้ |
รหัสโครงการ | 64-00214-0011 |
วันที่อนุมัติ | 12 เมษายน 2021 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 12 เมษายน 2021 - 31 มกราคม 2022 |
งบประมาณ | 70,000.00 บาท |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นายมะรูดิง สือรี |
เบอร์โทรผู้รับผิดชอบโครงการ | |
อีเมล์ผู้รับผิดชอบโครงการ | |
พี่เลี้ยงโครงการ | นางกัลยา เอี่ยวสกุล |
พื้นที่ดำเนินการ | อำเภอมายอ จังหวัดปัตตานี |
ละติจูด-ลองจิจูด | place |
งวด | วันที่งวดโครงการ | วันที่งวดรายงาน | งบประมาณ (บาท) | |||
---|---|---|---|---|---|---|
จากวันที่ | ถึงวันที่ | จากวันที่ | ถึงวันที่ | |||
1 | 12 เม.ย. 2021 | 31 ส.ค. 2021 | 12 เม.ย. 2021 | 31 ส.ค. 2021 | 40,000.00 | |
2 | 1 ก.ย. 2021 | 30 พ.ย. 2022 | 1 ก.ย. 2021 | 31 ม.ค. 2023 | 25,000.00 | |
3 | 1 ธ.ค. 2021 | 31 ม.ค. 2022 | 5,000.00 | |||
รวมงบประมาณ | 70,000.00 |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
บ้านม่วงเงิน หมู่ที่ 4 บ้านม่วงเงิน มีจำนวนครัวเรือนทั้งหมด 130 ครัวเรือน จำนวนประชากรทั้งหมด 342 คน เป็นชาย 166 คนหญิง 176 คน จากการวิเคราะห์ต้นไม้ของแกนนำชุม คณะกรรมการหมู่บ้าน ผู้นำศาสนา ผู้นำชุมชน พบประเด็นปัญหา 4 ปัญหา ดังนี้ 1.ปัญหารายได้ไม่พอกับรายจ่าย 2.ปัญหาเด็กไม่ได้รับการฉีดวัคซีนตามเกณฑ์ 3.ปัญหายาเสพติด 4.ปัญหาความไม่ร่วมมือของคนในชุมชน และร่วมกันจัดทำต้นไม้ปัญหาเพื่อวืเคราะห์หาสาเหตุแลผลกระทบของปัญหาในแต่ละประเด็น พร้อมได้ร่วมกันลงมติเลือกประเด็นปัญหาเพื่อจัดทำโครงการแก้ปัญหาของบ้านม่วงเงิน โดยแกนนำชุมชนซึ่งรวมกันเรียกว่า สภาผู้นำชุมชนบ้านม่วงเงิน เลือกประเด็นปัญหา รายได้ไม่พอกับรายจ่ายเป็นปัญหาใหญ่ของชุมชน ชุมชนมีภาระหนี้สิน พึ่งตนเองไม่ได้ ทำให้ชุมชนเลือกที่จะดำเนินการโครงการในการแก้ไขปัญหารายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย สร้างอาชีพเสริมให้คนในชุมชนมีรายได้ที่เพียงพอกับการยังชีพและใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ชุมชนบ้านม่วงเงิน มีครัวเรือนจำนวน130 ครัวเรือนประกอบอาชีพกรีดยาง ซึ่งเป็นรายได้ที่ไม่แน่นอนช่วงฤดูฝนก็ไม่สามารถกรีดยาง วันไหนฝนตกก็ไม่มีรายได้ แต่รายจ่ายต้องจ่ายทุกวัน ทำให้เกิดปัญหาเศรษฐกิจในครัวเรือน ที่ปัจจุบันคนในชุมชนมีปัญหาหนี้สินสินเพิ่มขึ้น จาการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เช่น ด้านอาหาร ค่าเล่าเรียนบุตร สินค้าอุปโภคบริโภคและอุปกรณ์สื่อสารเช่น ค่าโทรศัพท์มือถือ ค่าผ่อน รถ ค่าอาหารลูกไปโรงเรียน ค่าอาหารในครอบครัว รายได้จากการกรีดยางอย่างเดียวไม่เพียงพอ
เนื่องเศรษฐกิจตกต่ำรายได้จากการกรีดยางครอบครัวละวันละ500-600 บาท รายได้เฉพาะจากการกรีดยางส่วนรายได้เสริมไม่มี ทำให้เกิดภาวะรายได้ต่ำ รายได้ไม่พอกับรายจ่าย เกิดภาวะหนี้สินที่มา จากการกู้ยืมในระบบเช่น กองทุนหมู่บ้าน กลุ่มออมทรัพย์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ การเล่นแชร์ในชุมชนทำให้ครอบครัวขาดความมั่นคง ประกอบค่านิยม "ซื้อทุกอย่างที่อยากกินกินทุกอย่างต้องซื้อ" บางครอบครัวออกไปทำงานนอกชุมชน ไปทำงานประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้เกิดช่องว่างความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวและชุมชน รายได้ต่ำ ค่าครองชีพสูงทำให้ไม่สามารถส่งลูกเรียนหนังสือได้ บุตรหลานออกจากโรงเรียน ทำให้เป็นปัญหากับชุมชน ลักเล็กขโมยน้อย เยาวชนกินน้ำกระท่อม เป็นปัญหาของชุมชน ครอบครัวและชุมชนจะมีความสุขได้นั้น คนในชุมชนต้องมีอาชีพมั่นคง มีรายได้ที่พอเพียงในการยังชีพ มีความเป็นอยู่ดี ทั้งรายได้และความมั่นคงในการประกอบชีพ ในที่ประชุมคณะกรรมการสภาผุ้นำชุมชนจึงได้เสนอแนวทางการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน กล่าวคือ การสร้างอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ ลดรายจ่ายและการออมเงิน เพิ่มสร้างความมั่นคงในชีวิต และเป็นชุมชนที่จัดการตนเองได้โดยใช้ทรัพยากรทั้งคนในชุมชน หน่ยวงานในท้องถิ่น ตลอดจนทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมในชุมชน นำหลักการทางศาสนาอิสลามความพอเพียงมาใช้ในชีวิตประจำวัน ดังคำกล่าว พอดีเพียงพอดีนำไปสู่ชีวิตที่เป็นสุข
อนึ่ง สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ในขนะนี้เป็นวิกฤตที่เกิดขึ้นโดยที่ไม่มีประเทศใดในโลก คาดการณ์และเตรียมที่จะรับมือกับการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้ออย่างรวดเร็ว หลายประเทศมีมาตรการต่างๆ เพื่อ ชะลอการระบาด เช่น การไม่รับผู้ที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง การมีมาตรการกักกันบริเวณของบุคคลกลุ่มเสี่ยง อย่างไรก็ดี มาตรการที่หลายๆ ประเทศใช่ร่วมกับมาตรการอื่น ๆ คือ การล็อคดาวน์ ซึ่งเป็นการระงับกิจกรรมหลาย ประเภทที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสทันที เพื่อจำกัดการเคลื่อนที่ของกลุ่มคนและลดการ สัมผัสใกล้ชิด องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) แสดงความเป็นห่วงต่อภาวะความไม่มั่นคงทาง อาหาร ซึ่งมีอยู่แล้วแต่เดิมในหลายประเทศ แต่ผลกระทบจากโควิด-19 จะซ้ำเติมให้ภาวะนี้รุนแรงมากขึ้นเกือบเท่าตัว จะมีผู้คน 265 ล้านคนที่เสี่ยงอดอยากขาดแคลนอาหาร ทั้งนี้เหตุการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบต่อภาคเกษตรกรรมและอาหาร 3 ระยะ ได้แก่ 1) ในช่วงระยะแรกที่เกิดจากความตื่นตระหนก จะส่งผลทำให้เกิดการสะสมเสบียงและกักตุนอาหาร 2) ช่วงระยะกลาง จะกินเวลาตั้งแต่การล็อคดาวน์ ไปจนกว่าจะสามารถควบคุมการระบาดได้ จะทำให้เกิดปัญหาตลอดห่วงโซ่ของระบบ อาหาร ตั้งแต่การผลิต โรงงานแปรรูป การขาดแคลนแรงงาน หรือมาตรการกักกันโรคส่งผลกระทบต่อการทำงาน และ การขนส่งและกระจายผลิตผล ไปจนถึงผู้บริโภคไม่สามารถเดินทางได้โดยสะดวก
การมีอาหารไม่หลากหลาย ในขณะที่ ผู้มีรายได้น้อยและคนตกงานไม่มีเงินพอที่จะซื้อหาอาหารได้อย่างเพียงพอ
3) ช่วงระยะยาวที่เกิดขึ้นจากสภาวะ เศรษฐกิจตกต่ำ ซึ่งจะเกิดขึ้นทั้งในระดับประเทศและระดับโลก และผู้ที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ คนยากจนและผู้ มีรายได้น้อย ธนาคารแห่งประเทศไทย ประเมินตัวเลขคนตกงาน ว่ามีเกือบ 8 แสนคน และมีคนที่มีโอกาสได้ทำงาน แต่ทำงานน้อยลงสัปดาห์ละไม่เกิน 10 ชั่วโมง ซึ่งเป็นผู้มีรายได้ลดลง อีกประมาณกว่า 2 ล้านคน เท่ากับว่า คนจน คน ตกงาน คนรายได้น้อย อาจมีรวมถึง 7 ล้านคน หรือคิดเป็น 10 % ของประชากรทั้งหมด เมื่อรายได้ลดลง ย่อมกระทบ ต่อปากท้อง การเข้าถึงอาหาร เพราะกว่าครึ่งของรายได้ที่หนึ่งครัวเรือนหามาได้ คือ ค่าอาหาร
ชุมชนบ้านกาโต เป็นอีกชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากโค วิด-19 ระบาด มีสมาชิกในชุมชนได้รับผลโดยตรง5ครัวเรือนและโดยอ้อมหลายครอบครัวไม่สามารถไปประกอบอาชีพ ได้เนื่องจากบางพื้นที่ไม่อนุญาติให้คนนอกเข้าพื้นที่ จากการสำรวจผู้ที่ได้รับผลกระทบใน ชุมชนฯ เบืองต้นพบว่า หลายรายในหลากหลายอาชีพได้แก่ กรีดยาง ทำนา ก่อสร้าง ร้านต้มยำ ลูกจ้างต่างๆได้รับผลกระทบจากการระบาทของโควิด ทำให้ราคายาง ข้าวเปลือกตกต่ำจำนวนครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบ 60 ครัวเรือน ส่งผลทำให้ครอบครัวสมาชิกขาดรายได้หลัก ไม่เพียงพอในการดูแลครอบครัว อีกทั้งยังมีคนว่างงานจากการประกอบอาชีพในประเทศเพื่อนบ้าน จำนวน 5 ครัวเรือน เดิมมีรายได้ เดือนละ 15,000 บาทซึ้งทำให้ปัจจุบันขาดรายได้เนื่องจากไม่สามารถไปประกอบอาชีพได้จึงทำให้เกิดรายจ่ายมากกว่ารายรับ และมีหนี้สินต่างๆได้แก่ค่าผ่อนบ้าน ค่าผ่อนรถ ค่าเทอมลูก และหนี้นอกระบบ ทำให้ส่งผลด้านสังคมต่อเนื่องเป็นลูกโซ
จากข้อมูลดังกล่าวข้างต้น คณะกรรมการชุมชนบ้านกาโต เห็นว่าโครงการส่งเสริมอาชีพ บ้านกาโต เป็นโครงการที่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันที่ไม่ควรออกจากพื้นที่ เพื่อลดการแพร่ระบาดของโรคโควิค 19 ประสบปัญหาอยู่ ณ ขณะนี้ และทางชุมชนมีต้นทุนเรื่องเครื่องจักรและอาจารย์ที่จะสอนทำกระเป๋าได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์และเพิ่มรายได้แก่ครัวเรือนและยังสามารถประกอบเป็นอาชีพหลักในครอบครัวได้ ดังนั้น คณะกรรมการ ชุมชนฯ จึงประสงค์ขอสนับสนุนงบประมาณเพื่อจัดทำโครงการส่งเสริมอาชีพ บ้านกาโต” ชุมชนบ้านกาโตเพื่อส่งเสริมให้สมาชิกในชุมชนเกิดการร่วมตัวกัน พัฒนาฝีมือและเสริมอาชีพ เพื่อช่วยเพิ่มรายได้ครัวเรือน พัฒนาต่อยอดให้เป็นสินค้า otop ของชุมชนฯ
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี |
---|
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวนที่วางไว้(คน) | จำนวนที่เข้าร่วม(คน) | |
---|---|---|---|
จำนวนกลุ่มเป้าหมายทั้งหมด | 30 | ||
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวนที่วางไว้(คน) | จำนวนที่เข้าร่วม(คน) |
hourglass_emptyไม่มีกลุ่มกิจกรรม | กลุ่มเป้าหมาย (คน) |
งบกิจกรรม (บาท) |
ทำแล้ว |
ใช้จ่ายแล้ว (บาท) |
||
วันที่ | กิจกรรม | 551 | 70,000.00 | 25 | 66,300.00 | |
12 - 13 เม.ย. 64 | งบ สสส. สนับสนุน (เวทีปฐมนิเทศโครงการ) | 3 | 0.00 | ✔ | 800.00 | |
20 เม.ย. 64 | งบ สสส. สนับสนุน (ค่าจัดทำป้ายโครงการและจัดทำป้ายสถานที่ปลอดบุหรี่) | 1 | 1,500.00 | ✔ | 1,500.00 | |
24 เม.ย. 64 | กิจกรรมที่ 1 ประชุมคณะทำงานและเก็บข้อมูล ครั้งที่ 1 | 30 | 0.00 | ✔ | 1,000.00 | |
12 พ.ค. 64 | กิจกรรมที่ 2 อบรมทักษะการเงินการจัดการหนี้ | 30 | 7,000.00 | ✔ | 6,600.00 | |
25 พ.ค. 64 | สำรวจข้อมูลครั้ง1 | 30 | 0.00 | - | ||
9 มิ.ย. 64 | กิจกรรมที่ 3 อบรมทักษะการจัดการโควิค-19 ในชุมชน ครั้งที่ 1 | 30 | 0.00 | ✔ | 6,600.00 | |
10 มิ.ย. 64 | กิจกรรมที่ 3 ฝึกปฏิบัติการการเผชิญโควิค-19 ในชุมชน ครั้งที่ 2 | 30 | 13,500.00 | ✔ | 6,600.00 | |
12 มิ.ย. 64 | กิจกรรมที่ 4 การจัดทำบัญชีครัวเรือน | 30 | 7,000.00 | ✔ | 6,600.00 | |
16 มิ.ย. 64 | งบ สสส. สนับสนุน (ไปหาพี่เลี้ยง ครั้งที่ 1) | 0 | 0.00 | ✔ | 507.00 | |
17 มิ.ย. 64 | กิจกรรมที่ 6 จัดตั้งกลุ่มอาชีพการทำกระเป๋า (ติดตามการดำเนินงาน ครั้งที่ 1) | 30 | 0.00 | ✔ | 750.00 | |
15 ก.ค. 64 | กิจกรรมที่ 1 ประชุมคณะทำงานและเก็บข้อมูล ครั้งที่ 2 | 30 | 2,000.00 | ✔ | 1,000.00 | |
16 ก.ค. 64 | กิจกรรมที่ 5 ฝึกทักษะการทำอาชีพ (กระเป๋าสุภาพสตรี) | 30 | 12,500.00 | ✔ | 12,150.00 | |
16 ก.ค. 64 | สำรวจข้อมูลครั้งที่2 | 30 | 0.00 | - | ||
22 ส.ค. 64 | ติดตามความก้าวหน้า ARE ครั้ง 1 | 30 | 0.00 | ✔ | 750.00 | |
10 ก.ย. 64 | กิจกรรมที่ 8 ฝึกทักษะการตลาดและเพิ่มช่องทางการสื่อสารผลิตภัณฑ์ | 30 | 7,000.00 | ✔ | 6,600.00 | |
15 ก.ย. 64 | งบ สสส. สนับสนุน (ไปหาพี่เลี้ยง ครั้งที่ 2) | 2 | 0.00 | ✔ | 507.00 | |
19 ก.ย. 64 | นำเสนอความก้าวหน้าและผลลัพธ์โครงการ (ผ่านระบบออนไลน์) | 2 | 0.00 | ✔ | 500.00 | |
7 ต.ค. 64 | งบ สสส. สนับสนุน (ไปหาพี่เลี้ยง ครั้งที่ 3) | 0 | 0.00 | ✔ | 507.00 | |
30 ต.ค. 64 | กิจกรรมที่ 6 จัดตั้งกลุ่มอาชีพการทำกระเป๋า (ติดตามการดำเนินงาน ครั้งที่ 2) | 30 | 2,000.00 | ✔ | 750.00 | |
25 พ.ย. 64 | สำรวจข้อมูล ครั้งที่ 3 | 30 | 0.00 | ✔ | 0.00 | |
20 ธ.ค. 64 | กิจกรรมที่ 6 จัดตั้งกลุ่มอาชีพการทำกระเป๋า (ติดตามการดำเนินงาน ครั้งที่ 3) | 30 | 1,000.00 | ✔ | 750.00 | |
24 ธ.ค. 64 | กิจกรรมที่ 1 ประชุมคณะทำงาน ครั้งที่ 3 | 30 | 1,000.00 | ✔ | 1,000.00 | |
26 ธ.ค. 64 | งบ สสส. สนับสนุน (เวทีประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อสังเคราะห์บทเรียนและเขียนรายงานปิดโครงการ) | 2 | 8,500.00 | ✔ | 1,972.00 | |
28 ธ.ค. 64 | งบ สสส. สนับสนุน (ไปหาพี่เลี้ยง ครั้งที่ 4) | 0 | 0.00 | ✔ | 507.00 | |
27 ม.ค. 65 | กิจกรรมที่ 8 เวทีถอดบทเรียน | 30 | 7,000.00 | ✔ | 7,100.00 | |
28 ม.ค. 65 | ติดตามความก้าวหน้า ARE ครั้ง 2 | 30 | 0.00 | ✔ | 750.00 | |
30 ม.ค. 65 | งบ สสส.สนับสนุน (กิจกรรมทำรายงานฉบับสมบูรณ์) | 1 | 0.00 | ✔ | 500.00 |
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 11 เม.ย. 2021 14:40 น.